รองเท้าเซฟตี้ หัวเหล็ก VS หัวคอมโพสิต เลือกแบบไหนดี?
เวลาเราจะซื้อ รองเท้าเซฟตี้ หลายคนก็คงเคยเจอคำถามสุดคลาสสิกว่า หัวเหล็กกับหัวคอมโพสิต อันไหนดีกว่ากันนะ? เพราะเปิดเว็บไซต์หรือเดินเข้าร้านทีไร ก็เจอสองแบบนี้เรียงรายเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมครับ จริงๆ แล้วทั้งสองแบบก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง ไม่ได้มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนดีที่สุด ขึ้นอยู่กับว่างานที่คุณทำเป็นงานแบบไหน ต้องเจอกับอะไรบ้าง ในบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกแบบเข้าใจง่ายๆ เปรียบเทียบชัดๆ ระหว่าง รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก (Steel Toe) กับ รองเท้าเซฟตี้หัวคอมโพสิต (Composite Toe) พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกให้เหมาะกับลักษณะการทำงานของคุณที่สุดครับ
ทำความรู้จักวัสดุหัว รองเท้าเซฟตี้
รองเท้าเซฟตี้ หัวเหล็ก (Steel Toe)
หัว รองเท้าเซฟตี้ ที่ทำจากเหล็กกล้า (Steel) เป็นของเก๋าในวงการเซฟตี้เลยครับ ใช้กันมานานเพราะเรื่องความแข็งแรงนี่ไว้ใจได้สุด ๆ ไม่ว่าจะของหล่นหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ เหมาะมากกับสายงานหนัก งานก่อสร้าง หรือใครที่ทำงานในไซต์ที่มีความเสี่ยงเยอะ ๆ แบบมีของหนักเดินผ่านหัวตลอดวัน หัวเหล็กคือเพื่อนคู่ใจที่ไว้ใจได้ครับ
ข้อดีของ รองเท้าเซฟตี้ หัวเหล็ก
- แข็งแรงสุด ๆ แบบที่ถ้าของหนักหล่นใส่ก็เอาอยู่ ไม่ต้องลุ้นเลยครับ เหมาะกับงานที่เสี่ยงของหล่น หรือเจอแรงอัดบ่อย ๆ
- ราคาสบายกระเป๋าเมื่อเทียบกับความทนทานที่ได้ เรียกว่าคุ้มเกินคุ้ม
- มีให้เลือกหลากหลายรุ่นในท้องตลาด จะเอาแบบแฟชั่นก็มี หรือจะเอาเน้นลุยก็เพียบ
ข้อเสียของ รองเท้าเซฟตี้ หัวเหล็ก
- หนักพอตัวครับ ถ้าใส่เดินทั้งวันอาจรู้สึกเมื่อยเท้าเอาได้ โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินเยอะ ๆ หรือทำงานเปลี่ยนจุดบ่อย ๆ
- เพราะเป็นโลหะ เลยนำไฟฟ้าและมีแรงดูดแม่เหล็ก ทำให้ไม่เหมาะกับงานไฟฟ้าหรืองานที่ต้องผ่านเครื่องสแกน
- ถ้าไม่มีการเคลือบผิวป้องกันดี ๆ มีโอกาสขึ้นสนิมได้ โดยเฉพาะถ้าเจอความชื้นหรือโดนน้ำบ่อย ๆ
รองเท้าเซฟตี้ หัวคอมโพสิต (Composite Toe)
หัว รองเท้าเซฟตี้ ที่ทำจากวัสดุผสม เช่น ไฟเบอร์กลาส คาร์บอนไฟเบอร์ หรือพลาสติกพิเศษ บอกเลยว่าไม่มีโลหะปนอยู่เลยสักนิดครับ จุดเด่นคือเบาสบายแบบใส่แล้วลืมไปเลยว่ากำลังใส่ รองเท้าเซฟตี้ อยู่! แถมยังไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าอีกด้วย ใครทำงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าหรือในพื้นที่ที่ต้องผ่านเครื่องสแกนโลหะบ่อย ๆ อย่างสนามบินหรือโรงงานที่มีระบบความปลอดภัย เข้าข่ายเหมาะสุด ๆ ไม่ต้องถอดเข้า-ออกให้เสียเวลา
ข้อดีของ รองเท้าเซฟตี้ หัวคอมโพสิต
- เบามากครับ ใส่แล้วรู้สึกคล่องตัว เดินได้นานไม่ปวดเท้า เหมาะกับคนที่ต้องเดินทั้งวันหรือต้องเปลี่ยนตำแหน่งบ่อย ๆ
- ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าเลย เหมาะสุด ๆ กับงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าหรือระบบพลังงาน
- เดินผ่านเครื่องสแกนโลหะได้สบาย ไม่ต้องคอยถอดรองเท้าเข้า-ออกให้เสียเวลา เหมาะกับพนักงานสนามบิน หรือโรงงานที่มีระบบรักษาความปลอดภัย
- ไม่เป็นสนิม และวัสดุไม่ดูดอุณหภูมิ ทำให้ใส่แล้วไม่ร้อนจี๋หรือเย็นเจี๊ยบเกินไป ไม่ว่าจะอยู่กลางแดดหรือห้องเย็นก็โอเคเลย
ข้อเสียของ รองเท้าเซฟตี้ หัวคอมโพสิต
- ความแข็งแรงยังเป็นรองหัวเหล็กอยู่นิดหน่อยครับ โดยเฉพาะงานที่ต้องเจอแรงกระแทกหนัก ๆ เป็นประจำ อาจไม่ตอบโจทย์เท่าหัวเหล็ก
- ราคาก็สูงกว่านิดหนึ่งนะครับ บางรุ่นอาจแพงกว่า 2-3 ร้อย ขึ้นกับแบรนด์และฟีเจอร์อื่น ๆ ด้วย
- รุ่นให้เลือกในตลาดยังไม่เยอะเท่าหัวเหล็ก บางทีต้องเลือกดี ๆ หรือสั่งออนไลน์เอา
รองเท้าเซฟตี้ หัวเหล็กเหมาะกับใคร?
สายงานก่อสร้าง
ถ้าคุณทำงานในไซต์ที่มีของหนักอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา อย่างเช่น แผ่นเหล็ก ท่อน้ำ หรือเครื่องมือชิ้นโต ๆ ที่มีโอกาสจะหล่นใส่เท้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หัวเหล็กยังคงเป็นเพื่อนซี้ที่ไว้ใจได้เสมอครับ เพราะมันรับแรงกระแทกหนัก ๆ ได้แบบไม่มีงอแง เรียกว่าถ้าเจอเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ก็ยังช่วยเซฟเท้าคุณไว้ได้แบบมั่นใจสุด ๆ
งานโรงงานอุตสาหกรรมหนัก
อย่างเช่นโรงงานผลิตเหล็ก โรงกลึง หรือโรงงานประกอบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ ที่ต้องเหยียบ ลาก หรือขนของหนักแทบจะทั้งวัน เรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็มีโอกาสโดนของหนักทับได้ทุกเมื่อ แบบนี้ถ้าไม่มีหัวเหล็กคอยช่วยเซฟไว้ เท้าเราก็เสี่ยงโดนของทับจนเจ็บหนักได้เลยครับ เพราะงั้นหัวเหล็กก็เลยกลายเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ต้องมีติดเท้าไว้ตลอด
งานที่ไม่ต้องผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ
อย่างงานในคลังสินค้า หรือสายพานการผลิตทั่วไป ที่ไม่ต้องเข้าเขตหวงห้ามหรือผ่านเครื่องสแกนแบบเข้มงวด งานแบบนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องเครื่องตรวจจับโลหะเลยครับ หัวเหล็กก็ยังตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัยและราคาที่จับต้องได้
รองเท้าเซฟตี้ หัวคอมโพสิตเหมาะกับใคร?
งานไฟฟ้า
ข้อดีข้อนี้บอกเลยว่าคนทำงานกับไฟต้องเลิฟครับ เพราะรองเท้าหัวคอมโพสิตไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าเลย! ถ้าเกิดไฟรั่วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หรือคุณต้องทำงานใกล้เครื่องจักรไฟฟ้าบ่อย ๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกไฟดูดไปได้มาก แบบนี้ก็อุ่นใจกว่าเดิมใช่ไหมล่ะครับ
งานสนามบิน โรงพยาบาล หรือสถานที่ที่มีระบบสแกน
หัวคอมโพสิตไม่ติดเครื่องตรวจจับโลหะครับ เดินเข้าออกจุดสแกนได้แบบไม่ต้องลุ้นว่าจะมีเสียงดังหรือโดนเรียกซ้ำ แถมไม่ต้องเสียเวลานั่งถอดรองเท้าให้วุ่นวายอีกต่างหาก เหมาะกับงานที่ต้องเข้าออกหลายรอบในแต่ละวันจริง ๆ
งานกลางแจ้งหรือในห้องเย็น
วัสดุคอมโพสิตไม่ดูดอุณหภูมิแบบเหล็กครับ นั่นแปลว่าเวลาเราเดินลุยแดดทั้งวัน เท้าก็จะไม่โดนอบจนร้อนจี๋แบบใส่หม้อหุงข้าว! หรือถ้าทำงานในห้องเย็นก็ไม่ต้องกลัวเท้าเย็นเฉียบจนชา เพราะคอมโพสิตมันไม่ดูดความเย็นเข้ามาเยอะ ใส่แล้วรู้สึกพอดี ไม่หนาวเกิน ไม่ร้อนเกิน เรียกว่ากำลังดีสำหรับคนที่ต้องเจอสภาพอากาศสุดขั้วทั้งสองแบบ
อย่าดูแค่หัว รองเท้าเซฟตี้!
ดูมาตรฐานร่วมด้วย
ไม่ว่าคุณจะเลือกหัวเหล็กหรือหัวคอมโพสิต ขอแนะนำเลยครับว่าอย่าลืมดูรหัสมาตรฐาน ISO 20345 หรือรหัสเทียบเท่าอย่าง SB, S1, S2, S3, S6, S7 ด้วยนะครับ เพราะรองเท้าที่มีมาตรฐานเหล่านี้รับประกันได้ว่าผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยมาอย่างดี ทั้งเรื่องแรงกระแทก แรงกดทับ กันลื่น กันน้ำมัน ฯลฯ เรียกว่าถ้าเห็นรหัสพวกนี้ก็อุ่นใจได้เลยว่าไม่ใช่รองเท้าเซฟตี้ปลอมแน่นอน!
น้ำหนักและความยืดหยุ่น
อย่ามองแค่ความแข็งแรงอย่างเดียวนะครับ เพราะรองเท้าที่แข็งแรงมาก ๆ ถ้าหนักเกินไปก็ใช่ว่าจะดี โดยเฉพาะงานที่ต้องเดินเยอะ ยืนนาน หรือปีนขึ้นลงบ่อย ๆ ถ้ารองเท้าหนักมากไป เท้าคุณจะล้าแบบไม่รู้ตัว แถมทำให้งานที่ควรจะเร็ว กลับกลายเป็นช้าเพราะความเมื่อยอีกด้วย ดังนั้นอย่าลืมชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจนะครับ
พื้นรองเท้าและดอกยาง
พื้น รองเท้าเซฟตี้ นี่สำคัญไม่แพ้หัวเลยนะครับ! ต้องมีคุณสมบัติกันลื่นแบบ SRC หรือ GRIP จะดีมาก โดยเฉพาะคนที่ทำงานในพื้นที่เปียก ลื่นง่าย เดินทีเหมือนเล่นสเก็ตอยู่ พื้นแบบนี้ช่วยให้เกาะพื้นดีขึ้นเยอะ แถมถ้าดอกยางลึกพอ ก็ไม่ต้องกลัวลื่นไถลตอนเดินบนคราบน้ำมันหรือพื้นกระเบื้องลื่น ๆ เลยครับ
ลองใส่เดินจริงก่อนซื้อ
รองเท้าเซฟตี้ จะแพงแค่ไหน หรือแบรนด์ดังยังไง ถ้าใส่แล้วปวดเท้า เดินได้ไม่ถึงครึ่งวันก็ไม่ไหวอยู่ดีครับ เพราะฉะนั้น ก่อนจะซื้อแนะนำเลยว่าต้องลองเดินจริง ๆ ให้รู้ว่ารองรับเท้าเราได้ดีไหม บีบหน้าเท้าหรือส้นเท้าไปหรือเปล่า แล้วน้ำหนักโอเคไหม เดินแล้วล้าไหม ถ้ามีให้ลองใส่เดินวนรอบร้านหรือกระโดดเบา ๆ สักนิดก็ช่วยให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นครับ