20 เครื่องมือช่างพื้นฐาน ที่คุณต้องมีติดบ้านไว้
ในบ้านของเรานั้น ปีหนึ่งๆ มีของที่ต้องซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาและจัดการหลายอย่างมาก เพราะปัญหามักมากับฤดูกาล สภาพอากาศ และกาลเวลา
เดาว่าทุกๆ บ้านคงจะมี เครื่องมือช่าง อย่างน้อย 1-2 ชิ้น ไว้ซ่อมของทั่วไปอยู่แล้ว หรือบางบ้านอาจมีกล่องเครื่องมือที่ค่อนข้างครบครัน เพราะจำเป็นจะต้องใช้ เครื่องมือช่าง บางชิ้นในการแขวนรูปภาพ ประกอบเฟอร์นิเจอร์ง่ายๆ ประกอบของเล่นให้ลูก ติดตั้งชั้นวางของหรือชั้นโชว์ ซ่อมแซมของเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้กระทั่งคนที่ชอบทำงาน DIY เองก็ต้องใช้เครื่องมือช่างหลายอย่างเช่นกัน
ปัญหาที่มักพบอยู่เสมอคือเครื่องมือไม่เพียงพอ หรือมีแต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้
แล้วเราต้องมี เครื่องมือช่าง อะไรติดบ้านไว้บ้าง? ถึงจะครอบคลุมปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ จะได้ไม่ต้องคอยวิ่งรอกไปซื้อใหม่อย่างเร่งด่วนทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น และตัดปัญหาซื้อเครื่องมือมาทิ้งไว้ในกล่องแต่ไม่ได้ใช้
บทความนี้มีคำตอบ เราได้รวบรวม เครื่องมือช่าง พื้นฐานทั้งหมด 20 อย่างที่คุณต้องมีติดบ้านเอาไว้มาให้แล้ว ทุกชิ้นต่างเป็น เครื่องมือช่าง ที่ใช้งานบ่อยและใช้งานได้หลากหลายวิธี ดังนี้
20 เครื่องมือช่าง พื้นฐานมีอะไรบ้าง มาดูกัน
1. ไขควง (Screwdrivers)
ไขควงเป็น เครื่องมือช่าง พื้นฐานที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปและเห็นบ่อยจนชินตา เป็นเครื่องมือที่เอาไว้คลายและขันน็อตหรือสกรูต่างๆ ไขควงที่มีคุณภาพมักจะทำจากเหล็กกล้าหรือโลหะอื่นๆ ผ่านการตีขึ้นรูปและชุบผิวเพื่อเสริมความแข็งแรงหรือกันสนิม ทำให้ไขควงใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น
ไขควงมีลักษณะเป็นแท่งโลหะทรงสูงยาว มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่หัวเล็กถึงหัวใหญ่ ปลายไขควงจะมีลักษณะแหลมคมและมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป อุปกรณ์ไฟฟ้า ของใช้ หรือเฟอร์นิเจอร์ส่วนมากจะประกอบเข้าด้วยกันด้วยสกรูหรือน็อต เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกบ้านจะต้องมีไขควง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงจัดไขควงอยู่ในอันดับแรกของ 20 เครื่องมือช่าง พื้นฐาน
ไขควงแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะของปลายหรือที่บางคนเรียกว่าปากไขควง เป็นลักษณะที่ใช้บ่อยและแพร่หลายที่สุดในบรรดารูปแบบต่างๆ
– ไขควงปากแบน (Standard tip Screwdriver)
เอาไว้ใช้กับสกรูที่มีหัวเป็นร่องผ่ากลางหรือมีร่องขีดยาว แม้จะดูเป็นร่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ขันหรือคลายง่ายอย่างที่คิด ทั้งสกรูและไขควงต้องเข้ากันได้พอดี ปากไขควงจะต้องไม่ใหญ่ หรือเล็กจนเกินไปจึงจะขันได้ ไม่อย่างนั้นหัวสกรูจะเสียหาย บาก หรือบิ่น ทำให้ใช้ต่อไม่ได้ หรือเป็นปัญหากับการแก้ไขงานหรือถอดประกอบชิ้นส่วนในภายหลัง
– ไขควงปากแฉก (Phillips tip Screwdriver)
ไขควงปากแฉกเอาไว้ใช้กับหัวสกรูที่เป็นร่องจีบสี่เหลี่ยมหรือที่ดูเหมือนเครื่องหมายบวก ลักษณะการใช้งานไม่ต่างจากไขควงปากแบน แต่ต้องเลือกขนาดให้พอดีกับร่องจีบมากที่สุด ไม่อย่างนั้นไขควงจะรูด ขันสกรูไม่ได้ และทำให้หัวสกรูเสียหาย ซึ่งถ้าเสียหายจนขันไม่ได้แล้วก็อาจจะต้องหาวิธีตัดหัวสกรูและคว้านส่วนปลายออกมา หลังจากนั้นต้องหาจุดยึดสกรูใหม่ ทิ้งรูสกรูเดิมที่ไม่สวยงามเอาไว้
2. ค้อน (Hammers)
ค้อน หรือ (Hammers) เป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนรู้ๆกัน ว่าใช้สำหรับงานการตอกหรือทุบลงบนวัตถุนั่นเอง ค้อนมีบทบาทสำคัญในงานต่างๆ มานานหลายศตวรรษ สำหรับการใช้งานเช่น การตอกตะปู การจัดชิ้นส่วนให้เข้ารูป การทุบทลายวัตถุ ค้อนอาจได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะทาง และมีรูปร่างกับโครงสร้างที่หลากหลาย แต่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมือนกันคือด้ามจับและหัวค้อน ซึ่งน้ำหนักจะค่อนไปทางหัวค้อนมากกว่าแรงที่กระทบเป้าหมายจะมากเท่าใด ขึ้นอยู่กับมวลของค้อนและความเร่งของการตอก ดังนั้นเมื่อค้อนยิ่งหนักมากและหวดด้วยความเร่งมาก แรงที่ได้จากค้อนยิ่งมากตามไปด้วยเรามีค้อนหลายแบบและงานที่คุณทำจะเป็นตัวกำหนดเครื่องมือที่คุณเลือก
หัวข้อนี้ เราจะพาไปสำรวจประเภทของค้อนประเภทต่างๆ การใช้งาน วิธีการเลือกค้อนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ค้อนประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง?
– ค้อนหงอน (Hammer tool) เป็นค้อนที่ใช้สำหรับตอก ส่วนปลายของค้อนหงอนใช้ถอนตะปูได้ นอกจากนี้ยังใช้ค้อนหงอนในการตอกสิ่ว และตอกไม้เวลาทำโครงร่างได้อีกด้วย
– ค้อนหัวกลม (Ball Peen Hammer) เป็นค้อนที่ใช้กันมากที่สุด ลักษณะทั่วไปของค้อนหัวกลมจะมีหน้าเรียบส่วนหน้าตัดจะมีลักษณะกลม ผิวนูนโค้งเล็กน้อยใช้งานได้ทั้งสองหน้า ค้อนหัวกลมจะถูกใช้ในงานเคาะขึ้นรูป และย้ำหมุดทั่วไป
– ค้อนไม้ (Mallet) เป็นค้อนที่ไม่ได้ทำมาจากโลหะแต่ทำจากเนื้อไม้แข็งแทน จึงทำให้มีความยืดหยุ่นดีกว่าเหล็กเมื่อใช้เคาะชิ้นส่วนใด ๆ จึงไม่เกิดความเสียหายหรือเกิดความเสียหายน้อยมาก
– ค้อนเดินสายไฟ (Electrician Hammer) ส่วนใหญ่จะใช้กับงานไฟฟ้า หัวค้อนทำด้วยเหล็กมีปลายด้านหนึ่งหน้าเรียบตรง และอีกด้านหนึ่งแบนแหลมใช้ตอกในที่แคบได้ นอกจากนี้ยังใช้ค้อนเดินสายไฟกับการตอกตะปูเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ได้อีก
– ค้อนยาง (Rubber Hammer) หัวค้อนทำมาจากยางพารา ทำให้มีคุณสมบัติเหนียวนุ่ม ค้อนยางใช้สำหรับขึ้นรูปชิ้นงานที่มีเนื้ออ่อน หรือใช้ตอกเพื่อรักษาสภาพผิวงาน
– ค้อนพลาสติก (Plastic Hammer) หัวค้อนทำจากพลาสติกแข็ง หน้าตัดมีลักษณะกลมผิวนูนเล็กน้อย บริเวณขอบมนค้อนพลาสติกหัวทั้งสองข้างจะเหมือนกัน มักใช้ตอกเพื่อรักษาสภาพผิวงาน เพียงแต่ว่าหัวค้อนจะสามารถถอดเปลี่ยนได้ และยังมีน้ำหนักในการเคาะชิ้นงานได้
– ค้อนปอนด์ (Heavy Hammer) มีรูปร่างเป็นรูปแปดเหลี่ยมผิวหน้าจะมน และลาดเอียงไปทางขอบมีตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่เหมาะสำหรับใช้งานหนักทั่วไป
วิธีเลือกค้อนที่เหมาะสม
การเลือกค้อนที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
พิจารณาวัตถุประสงค์ งานที่แตกต่างกันต้องใช้ค้อนที่แตกต่างกัน พิจารณาว่าคุณต้องการค้อนสำหรับการใช้งานทั่วไป งานไม้ งานโลหะ หรืองานเฉพาะทางวัสดุที่จับและด้ามจับด้ามจับทำจากไม้ ไฟเบอร์กลาส หรือเหล็ก เลือกอันที่จับสบายและปลอดภัย
น้ำหนักของค้อนน้ำหนักของค้อนส่งผลต่อพลังโจมตีของมัน สำหรับงานหนัก ให้เลือกค้อนที่หนักกว่า และสำหรับงานที่มีความแม่นยำ ให้เลือกค้อนที่เบากว่าการทรงตัวและการสวิงค้อนที่มีความสมดุลช่วยให้มั่นใจได้ถึงการควบคุมและความแม่นยำที่ดีขึ้นระหว่างการใช้งาน ทดสอบวงสวิงและค้นหาวงสวิงที่เหมาะกับคุณคุณภาพและความทนทานลงทุนในค้อนคุณภาพสูงที่มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าและให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
โดยสรุป
ค้อนเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในอดีจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวันไปจนถึง งานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งการก่อสร้างไปจนถึงการทำงานทางศิลปะ ค้อนที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพของงานที่คุณลงมือทำ จึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลก่อนนำไปใช้งานให้ตรงประเภทเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
/หมายเหตุ*
ค้อนมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทตอบสนองความต้องการและการใช้งานเฉพาะด้าน การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ การเลือกค้อนที่เหมาะสม และการใช้งานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ คุณสามารถทำงานได้หลากหลายด้วยความมั่นใจและแม่นยำ
3. คีม (Pliers)
คีม หรือ (Pliers) คืออะไร? คีมเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจับยึดชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับการจับชิ้นงานหรือวัสดุเพื่อทำงานต่างๆ ยึดจับให้ติดกันหรือเป็นการดึงชิ้นงาน นอกจากนั้นยังใช้การจับ บีบ ดัด ตัด มักจะมีฟังก์ชั่นที่ใช้ในงานตัดวัตถุที่ไม่แข็งแรงมากนัก เช่น สายไฟฟ้า ลวด หรือสลักล็อคขนาดเล็ก ตัวคีมมีรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน ตามลักษณะการใช้งาน คีมบางตัวออกแบบมาเพื่อใช้งานหลายหน้าที่ เช่นทั้งในการจับงาน และตัดชิ้นงาน คีมบางแบบ มีข้อต่อเลื่อนที่สามารถปรับขนาดความกว้างของปากในการจับชิ้นงานได้
การแบ่งประเภทของคีม และการเรียกชื่อ จะเป็นไปตามลักษณะ การใช้งาน ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน คือ มีส่วนด้ามจับ และส่วนหัวจับ เป็นหลักโดย สามารถแบ่งประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้
– คีมปากจระเข้ (Linesman Pliers) เป็นเครื่องมือช่างที่มีลักษณะการนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ปากคีมมีคมไว้สำหรับตัดด้านข้าง และสามารถใช้จับชิ้นงานได้อยู่ภายในตัวเดียวกัน
ความอเนกประสงค์ของคีมปากจระเข้ นี้ทำให้เหมาะสำหรับงานต่างๆ รวมถึง
- การจับและดึง : สามารถจับและดึงสายไฟ ตะปู และวัตถุขนาดเล็กอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
- การตัด : คมตัดสามารถตัดสายไฟและสายเคเบิลได้อย่างง่ายดาย
- การดัดและการขึ้นรูป : คีมเส้นตรงสามารถใช้ดัดและขึ้นรูปสายไฟได้ตามต้องการสำหรับการเชื่อมต่อทางไฟฟ้า
- การย้ำ : สามารถย้ำคอนเนคเตอร์เพื่อยึดสายไฟในขั้วไฟฟ้าได้
- การตีเกลียวและการรีม : ช่างไฟฟ้าใช้คีมสำหรับเดินสายเพื่อบิดสายไฟเข้าด้วยกันและคว้านด้านในของท่อร้อยสายออก
– คีมปากจิ้งจก COMBINATION PLIERS ใช้สำหรับจับโลหะแบนหรือสายไฟ ปากคีมมีลักษณะเรียวแหลม และ มีขนาดเล็ก เหมาะกับการใช้งานในที่แคบ และ งานไฟฟ้า
นิยมใช้อย่างแพร่หลายโดยช่างไฟฟ้า ช่างไม้ ช่างประปา ช่างเครื่อง และผู้ที่ชื่นชอบ DIY ทั่วไป เครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้สำหรับงานที่ต้องใช้หลายฟังก์ชันในเครื่องมือเดียว เนื่องจากไม่จำเป็นต้องสลับไปมาระหว่างเครื่องมือต่างๆ
ลักษณะอเนกประสงค์ของคีมปากจิ้งจก ทำให้มีประโยชน์สำหรับงานที่หลากหลาย เช่น
- การจับและถือ : สามารถจับและยึดสายไฟ ตะปู น็อต สลักเกลียว และวัตถุอื่นๆ ได้อย่างมั่นคง
- การตัด : คมตัดที่คมมีประสิทธิภาพในการตัดผ่านวัสดุต่างๆ รวมถึงสายไฟฟ้าและสายเคเบิล
- การบิดและการดัด : คีมรวมสามารถบิดลวดเข้าด้วยกันและงอให้พอดีกับรูปร่างหรือมุมเฉพาะ
- การบีบ : สามารถบีบคอนเนคเตอร์และเทอร์มินอลสำหรับการเชื่อมต่อสายไฟที่ปลอดภัย
- การปอกฉนวนสายไฟ : คีมปอกสายไฟบางรุ่นอาจมีรูปอกใกล้กับข้อต่อ ทำให้ผู้ใช้สามารถปอกฉนวนออกจากสายไฟได้
- Shearing Bolts : นอกจากการตัดลวดแล้ว คีมแบบรวมบางรุ่นอาจสามารถตัดสลักเกลียวได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อใช้คีมรวม ให้ใช้ความระมัดระวังและสวมอุปกรณ์นิรภัยที่เหมาะสมเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัดหรือจัดการกับวัสดุที่อาจเป็นอันตราย
– คีมปากขยาย nose pliers ปากคีมมีลักษณะโค้งมน และสามารถขยายออก ลด ให้แคบลงได้ ลักษณะด้านใน จะทำโค้งเว้าไว้ทั้งสองข้างและมีร่องฟัน เพื่อใช้ในการจับ งานกลม บริเวณปลายปากจะแบนเรียบมีร่องฟัน สามารถปรับปากให้แคบ หรือขยายให้กว้างได้ด้วยสลักเกลียว ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดหมุนใช้จับงานทั่วไป ไม่ต้องการความละเอียด หรือ ความประณีตมากนัก เหมาะสำหรับจับงานร้อนและงานที่มีขนาดใหญ่ที่คีมธรรมดาไม่สามารถจับได้ หรือ การใช้งานที่เกี่ยวกับเครื่องกลและงานเครื่องยนต์ประเภทต่างๆ
คีมขยาย ช่วยให้งานจับชิ้นส่วนวัสดุต่างๆได้ง่ายขึ้นโดยใช้ร่วมกับมืออื่น ๆ ในการจับและหมุนน๊อตตามต้องการทำให้สะดวกและประหยัดเวลา ในการเชื่อมต่อหรือแยกจุดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
– คีมปากกลม POINTED NOSE ปากด้านนอกมีลักษณะกลม ส่วนปากด้านในจะเจียระไนให้มีลักษณะแบนทั้งสองข้าง ด้ามหุ้มด้วยปลอกพลาสติกหุ้มเหมาะสำหรับงานดัด งานที่เป็นรูห่วง หรือดัดห่วง และงานที่มีความละเอียด เช่น งานไฟฟ้า งานอิเล็กทรอนิกส์
การใช้งาน
- การยึดหรือดึงวัตถุ: ใช้เพื่อยึดหรือดึงสิ่งของที่มีขนาดเล็กหรือตัวอยู่ในที่ลึก เช่น ตัวสายไฟ ลวด หรือเกลียวที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ โดยเฉพาะเวลาทำงานที่ไม่สามารถใช้มือถือได้ง่าย ๆ
- การงัดหรือปรับแต่งอะไหล่หรือเกลียว: ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำในการงดหรือปรับรูปร่างของอะไหล่หรือเกลียว เช่น ปรับปรุงขนาดของเกลียวหรือทำให้พื้นที่ที่ต้องใช้งานหรือติดตั้งอะไหล่มีขนาดเล็กลง
- การทำงานกับวัสดุที่ต้องการความแม่นยำ: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำในการทำงาน เนื่องจากมีหน้าคีบยาวและแหลมช่วยให้สามารถจับหรือปรับแต่งวัสดุได้อย่างแม่นยำ
คีมปากกลม เป็นเครื่องมือที่สำคัญในช่างและการซ่อมแซม เนื่องจากมีความหลากหลายในการใช้งาน สามารถช่วยลดความยุ่งยากในงานและเพิ่มความแม่นยำให้กับงานได้
– คีมตัด DIAGONAL CUTTERS เป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับงานตัดโดยเฉพาะ ปากคีมมีลักษณะคล้ายกับปากนกแก้ว ส่วนปลายของปากจะมีลักษณะเป็นคมตัดโดยหันขวางกับด้านคม ที่ด้ามจับมีฉนวนหุ้มเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ใช้สำหรับตัดเหล็ก เส้นลวด คีมชนิดนี้ไม่สามารถจับชิ้นงานได้
คีมตัดเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้หลากหลายในงานช่างและงานอื่น ๆโดยสามารถใช้คีมตัดในการทำงานต่อไปนี้:
- งานช่างโลหะ: คีมตัดใช้ในการตัดเหล็ก อลูมิเนียม สแตนเลส หรือวัตถุโลหะอื่น ๆ ที่มีความหนาและแข็ง สามารถใช้ตัดชิ้นงานออกมาในขนาดที่ต้องการได้เหมาะสำหรับงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร การต่อท่อ หรือการประกอบโครงสร้างโลหะ
- งานช่างอิเล็กทรอนิกส์: ในงานที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ คีมตัดใช้ในการตัดสายไฟ สายไฟฟ้า หรือส่วนที่ไม่จำเป็นในงานเพื่อความเรียบร้อยและความถูกต้องของวงจร
- งานไฟฟ้า: ในงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า คีมตัดใช้ในการตัดสายไฟ สายไฟฟ้า หรือในกรณีที่ต้องตัดสายที่เสียหายเพื่อทำการซ่อมแซมหรือต่อสายไฟ
- งานประปา: คีมตัดใช้ในการตัดท่อน้ำหรือท่อพลาสติกที่เสียหาย เพื่อทำการซ่อมแซมหรือต่อท่อใหม่
– คีมล็อค locking pliers ใช้จับนอตหรือชิ้นงานเพื่อป้องกันการหมุนหรือเลื่อนโดยปากปรับขยายให้กว้างได้ และ ล็อคให้แน่น ออกแบบเป็นพิเศษ ใช้งานเฉพาะ ปลายด้ามมีสกรูปรับ มีแบบธรรมดา แบบปากแหลม แบบใช้งานเชื่อม ใช้สำหรับจับหรือบีบชิ้นงานที่แน่นมาก บีบท่อน้ำยาแอร์
คีมล็อคใช้กับงานอะไรบ้าง
- งานช่างทั่วไป: ในงานที่ต้องการควบคุมการเคลื่อนไหวหรือตำแหน่งของวัตถุ คีมล็อคสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยในการยึดตัวอะไหล่หรือชิ้นส่วนที่ต้องการต่อเข้าด้วยกัน
- งานซ่อมบำรุง: ในการสร้างหรือซ่อมบำรุง คีมล็อคใช้ในการปรับความยาวของชิ้นส่วนเพื่อให้พอดีกับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง
- งานระบบไฟฟ้า: คีมล็อคสามารถใช้ในการยึดสายไฟหรือท่อพลาสติกให้แน่นตามความต้องการ และช่วยให้สามารถจัดการสายไฟให้เรียบร้อยและประณีต
- งานทำสวนและประปา คีมล็อคใช้เพื่อควบคุมความยาวของท่อน้ำหรือท่อพลาสติกให้ตรงตามขนาดที่ต้องการ
ในการใช้งานคีมล็อค ควรใส่ใจในด้านความปลอดภัยและอย่างใกล้ชิดตามคำแนะนำที่มากับคีมล็อคเพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ควรเลือกใช้คีมล็อคที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับงานที่ต้องการ
– คีมปอกสายไฟ wire stripper เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานต่าง ๆ เกี่ยวกับสายไฟฟ้าทำได้สะดวกขึ้น คีมดังกล่าวออกแบบมาเพื่อการปอกฉนวนไฟฟ้าที่หุ้มลวดทองแดงอยู่ โดยจะตัดเฉพาะส่วนที่เป็นฉนวนพลาสติกโดยไม่ตัดเส้นลวดทองแดง และยังใช้สำหรับการตัดสายไฟ และใช้ในการย้ำขั้วหางปลาให้ยึดติดกับปลายสายไฟฟ้าได้
คีมปอกสายไฟเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรับความยาวและปอกหนังสือไฟที่ปลอดภัยของสายไฟ ในงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คีมปอกสายไฟสามารถใช้กับสายไฟหลายประเภท รวมถึง:
- สายไฟตามมาตรฐาน: คีมปอกสายไฟใช้ปรับความยาวของเส้นไฟตามมาตรฐานที่ใช้ทั่วไปในงานไฟฟ้า เช่น สายไฟ THW, THHN, THHN/THWN, และอื่น ๆ ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าทั่วไป
- สายไฟแรงดันสูง: คีมปอกสายไฟสามารถใช้กับสายไฟที่มีแรงดันสูงกว่าระบบไฟฟ้าทั่วไป เช่น สายไฟ THW-2, THHN-2, XHHW-2, และอื่น ๆ ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าแรงดันสูง
- สายไฟเคเบิล: คีมปอกสายไฟสามารถใช้กับสายไฟเคเบิลที่ใช้ในงานอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สายไฟแลน (Ethernet), สายไฟ USB, สายไฟ HDMI และอื่น ๆ
- สายไฟคาแบล์: ในงานที่ใช้สายไฟคาแบล์เพื่อเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าในสถานที่ที่ต้องการความทนทานและความปลอดภัย คีมปอกสายไฟสามารถใช้กับสายไฟคาแบล์ต่าง ๆ
- สายไฟท่อน้ำ: ในงานที่ใช้สายไฟท่อน้ำสำหรับระบบน้ำ คีมปอกสายไฟสามารถใช้กับสายไฟท่อน้ำที่ใช้ในงานประปาและสำหรับการนำน้ำไปใช้ในสวนหรือสถานที่ต่าง ๆ
คีมปอกสายไฟช่วยในการปรับความยาวของสายไฟให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการและช่วยในกระบวนการปอกหนังสือไฟที่ต้องการความเรียบร้อยและปลอดภัยในการใช้งาน การเลือกใช้คีมปอกสายไฟที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายในการใช้งาน
4. ตลับเมตร (Measurement Tape)
การตัดที่แม่นยำ จำเป็นต้องมีการวัดที่แม่นยำก่อน ตลับเมตรจะตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้ เพราะให้สเกลการวัดที่ละเอียด มีทั้งหน่วยนิ้วและหน่วยเมตริก อีกทั้งยังวัดได้หลากหลายบนวัตถุหลายรูปแบบ หลายรูปทรง ตลับเมตรจึงนับเป็นอาวุธคู่กายของช่าง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่มันเป็นหนึ่งใน เครื่องมือช่าง ที่ต้องมีติดบ้านไว้
ตลับเมตรมีความยาวตั้งแต่ 12 นิ้ว (30.48 ซม.) ถึง 30 ฟุต (9.14 เมตร) แต่ตลับเมตรพิเศษที่ใช้นอกอาคารซึ่งมีม้วนใหญ่จะยาวกว่านี้มาก
ตลับเมตรเป็นสิ่งประดิษฐ์แรกๆ ที่ใช้วัดระยะหรือขนาดได้ เป็นต้นแบบของเครื่องมือวัดที่คิดค้นขึ้นมาในปัจจุบันอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์วัดระยะ ล้อวัดระยะ หรือแม้กระทั่งระดับน้ำ แต่ตัวตลับเมตรเองก็ยังคงได้รับความนิยมตลอดมา เพราะเป็นตัวเลือกที่ประหยัด พกพาง่าย หาซื้อง่าย ในหลายยี่ห้อที่ผลิตได้มีการพัฒนาตลับเมตรให้มีความสะดวกต่อผู้ใช้งานเรื่อยๆ การออกแบบแต่ละยี่ห้อก็ต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม การเลือกตลับเมตรไม่ใช่แค่เลือกเอาที่วัดได้เท่านั้น แต่ต้องเลือกที่มีคุณภาพและสเกลวัดที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะมีเลขโรมันหรือสัญลักษณ์คล้ายขีดกำกับไว้บนตลับเมตร เลขน้อยหมายถึงมาตรฐานสูง มีความแม่นยำในการวัดสูง
นอกจากสัญลักษณ์แสดงมาตรฐานแล้ว บนตลับเมตรยังทำจุดสังเกตที่ค่าแต่ละช่วงเพื่อเอาไว้ เพื่อให้ใช้งานสะดวกและมองเห็นง่าย เช่น ทุกๆ 16 เท่ากับระยะห่างของโครงคร่าว หรือทุกๆ 19 นิ้ว จะมีรูปเพชรซึ่งเป็นระยะห่างของคานและตง
สามารถอ่านวิธีการใช้งานและวิธีการอ่านตลับเมตรอย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย ได้ที่บทความของเรา >>> รู้กันหรือยัง? วิธีใช้ ตลับเมตร อย่างมืออาชีพ <<<
- ประวัติความเป็นมาของ ตลับเมตร
- สัญลักษณ์ บน ตลับเมตร หมายความว่าอย่างไร?
- ตลับเมตร class 1 และ class 2 ต่างกันอย่างไร?
- วิธีค้นหา ตลับเมตร ที่ทนทานและใช้งานง่ายที่สุดสำหรับคุณ
- คุณเข้าใจวิธีการอ่านค่าของ ตลับเมตร มากน้อยแค่ไหน?
5. ประแจ (Wrenches)
เช่นเดียวกับคีม ประแจให้แรงบิดและให้ผู้ใช้หมุน หรือป้องกันไม่ให้หมุน โบลต์หรือน็อต ประแจนั้นต่างจากคีมตรงที่มีขนาดเฉพาะ ในขณะที่คีมคู่เดียวกันสามารถหมุนน็อตขนาดครึ่งนิ้วและโบลต์ขนาดหนึ่งในสี่นิ้วได้ แต่ประแจก็ใช้แทนกันได้ ข้อดีคือประแจ ให้แรงบิดมากกว่าคีม มีประแจมากมายหลากประประเภทตามใช้งานแตกต่างกันไป
ประแจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานช่างและในชีวิตประจำวัน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคีม แต่มีด้ามยาวและมีดตัดที่เป็นเส้นตรงขนานกัน ประแจมักมีสองด้ามที่หายใจควบคู่กัน เมื่อหมุนด้ามเพื่อเปิดปิด ด้ามอีกข้างก็จะเคลื่อนไปด้วย
ประแจมีหลายรุ่นและสามารถใช้งานในหลายสถานการณ์
ในงานที่เกี่ยวข้องกับโลหะหรือวัสดุอื่น ๆ ประแจสามารถใช้ในการจับและปลดประแจที่ต้องใช้ในการต่อเชื่อมหรือปรับแต่ง งานซ่อมบำรุงในการซ่อมบำรุงอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ประแจช่วยในการเปิดและปิดสกรูหรือตัวเกลียวงานทำสวน ในการปรับแต่งหรือปรับปรุงท่อน้ำหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในสวน เช่น ปรับให้พอดีกับขนาดของสวิตช์หรือนิปปลาส
งานอิเล็กทรอนิกส์ในงานที่ใช้งานอิเล็กทรอนิกส์ ประแจช่วยในการปรับแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการงานชีวิตประจำวันในการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ประแจสามารถใช้ในการปรับแต่งของเครื่องใช้ในบ้าน หรือในการเปิดตัวกุญแจ ในการใช้งานประแจ ควรใส่ใจในด้านความปลอดภัยเสมอ และควรเลือกใช้ประแจที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับงานที่ต้องการ อย่างน้อยก็ควรตรวจสอบด้ามมือของประแจให้มีความสวยงามและไม่เป็นแบบลายลักษณ์อันตราย
ประแจประเภทต่างๆ
- ประแจแหวน ลักษณะเด่นอยู่ที่ปลายทั้งสองด้าน มีลักษณะเป็นแหวนวงกลม ภายในวงแหวนจะมีเขี้ยวประมาณ 6-12 เขี้ยว เพื่อใช้ในการจับเหลี่ยมแป้นเกลียว และสลักเกลียวได้อย่างมั่นคง
- ประแจปากตายปากคู่ ปลายทั้งสองด้านมีลักษณะเป็นรูปตัวยู U ซึ่งจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ประแจชนิดนี้เหมาะกับงานในที่แคบมากที่สุด ในการใช้งานจะต้องระวังอย่าขันแน่นมากเกินไป เพราะจะทำให้สลักเกลียวชำรุดเสียหายได้
- ประแจรวม ประแจชนิดนี้ได้รวมเอาประแจแหวนกับประแจปากตายปากคู่เข้าไว้ด้วยกัน โดยที่ด้านหนึ่งมีลักษณะเหมือนกับประแจแหวน ส่วนอีกด้านจะเหมือนกับประแจปากตายปากคู่ ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ขนาดของหัวประแจจะมีขนาดที่เท่ากันทั้งสองด้าน
- ประแจขันฟรี ประแจชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานได้เหมือนกับประแจแหวน แต่ลักษณะที่แตกต่างกันจะอยู่ตรงที่ตัวประแจจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือด้ามประแจ และหัวประแจ ในส่วนของด้ามประแจนั้น ปลายด้านหนึ่งจะมีลักษณะเป็นด้ามจับ อีกด้านจะมีลักษณะเป็นหัวต่อ เพื่อนำไปต่อกับหัวประแจอีกทีหนึ่ง ลักษณะพิเศษของหัวต่อ คือสามารถหมุนได้ในทิศทางเดียว ทำให้สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ส่วนที่หัวประแจจะมีลักษณะเป็นบล็อกหกเหลี่ยมตามขนาดของแป้นเกลียว หัวประแจนอกจากจะมีลักษณะเป็นบล็อกแล้ว ยังมีลักษณะเป็นรูปแบบอื่นๆ อีก เช่น หัวเป็นไขควง, ประแจหกเหลี่ยม เป็นต้น
- ประแจหกเหลี่ยมหรือประแจแอล ในการเรียกชื่อของประแจประเภทนี้สามารถเรียกได้ 3 แบบคือ หากเป็นแบบอเมริกันจะเรียกว่า “Hex Wrench” หรือ “Allen Wrench” แต่ถ้าเป็นอังกฤษจะเรียกว่า “Allen Key” ลักษณะภายนอกของประแจประเภทนี้ก็คือ มีลักษณะเป็นตัวแอล L โดยลำตัวมีลักษณะเป็นหกเหลี่ยม ประแจประเภทนี้จะถูกนำไปใช้ในการขันนอตที่มีหัวเป็นหลุมหกเหลี่ยมหรือสลักเกลี่ยวที่ทำเป็นหัวกลม ส่วนกลางทำเป็นรูหกเหลี่ยม ซึ่งใช้สำหรับงานที่มีความพิเศษ เช่น สลักเกลียวปรับชิ้นงาน เป็นต้น ข้อควรระวังในการใช้งานคือ ความพอดีของแรงที่ใช้ในการขันจะต้องไม่ออกแรงมากเกินไป
- ประแจเลื่อน ประแจชนิดนี้เป็นประแจที่สามารถปรับขนาดได้ เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของแป้นเกลียว การปรับขนาดนั้นจะปรับตรงส่วนที่เป็นสลักเกลียว ซึ่งถือได้ว่าได้ว่าเป็นข้อดีของประแจชนิดนี้ ทำให้สะดวกในการพกพาเพียงตัวเดียวก็สามารถใช้ได้เกือบทุกขนาด เมื่อเทียบกับประแจปากตายแล้วถือว่าสะดวกกว่ามาก แต่จุดด้อยของประแจเลื่อนก็คือ มีปากด้านหนึ่งที่สามารถปรับเข้าออกได้ เป็นผลให้ปากด้านนี้ไม่แข็งแรงในการใช้งานจึงต้องให้ปากประแจด้านที่ไม่เคลื่อนเป็นด้านที่รับแรงมากและปรับขนาดของปากให้แนบสนิทกับแป้นเกลียวทุกครั้ง
6. เลื่อยมือ (Hand Saw)
เช่นเดียวกับเครื่องมือส่วนใหญ่ เลื่อยเป็นสิ่งที่ต้องเลือกขึ้นอยู่กับงาน แต่ที่รากของมัน เลื่อยเป็นเครื่องมือ ที่มีใบมีดโลหะหยัก การใช้เลื่อยจะถูกกำหนดโดยขนาดและจำนวนฟันของมันมากกว่าปัจจัยอื่นๆ ดังนั้นเช่นเดียวกับหลายๆ คุณจะต้องเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานมาดูกันว่ามีเลื่อยแบบไหนที่เหมาะสมกับคุณ
เลื่อยมือใช้ในการตัดและแยกวัตถุหรือวัสดุที่มีความหนาและแข็ง สามารถใช้กับอะไรได้หลากหลายเช่น
- ไม้: เลื่อยมือสามารถใช้ตัดไม้ในงานทำเฟอร์นิเจอร์ งานช่างไม้ หรืองานสวนหน้าที่ต่าง ๆ ที่มีวัสดุเป็นเนื้อไม้ได้ใช้ไม้
- โลหะ: ในบางกรณี เลื่อยมือสามารถใช้ตัดวัตถุโลหะที่มีความหนาในงานช่างทำงานกับโลหะได้ด้วยตามใบตัดที่มีในปัจุบัน
- พลาสติก: เลื่อยมือสามารถใช้ตัดวัตถุพลาสติกในงานทำเล่นและงานฝีมือที่ใช้วัสดุพลาสติก เช่น ท่อ PVC เป็นต้น
เลื่อยมือ ประเภทต่างๆ
- เลื่อยลันดา เราจะเห็นเลื่อยชนิดนี้กันบ่อยที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทั้งตัดและงานโกรกไม้ ขึ้นอยู่กับคมฟันของเลื่อยโดยฟันเลื่อยที่ค่อนข้างถี่ 10-12 ซี่ ต่อ 1 นิ้ว มักจะใช้สำหรับตัดขวางเนื้อไม้เพื่อให้เกิดรอยตัดที่เรียบ ส่วนฟันเลื่อยหยาบหรือฟันห่าง 5-6 ซี่ ต่อ 1 นิ้ว สามารถตัดไม้ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับงานตัดตามแนวยาวของเนื้อไม้ โดยมีความยาวของใบเลื่อยให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 14-28 นิ้ว ตามขนาดของหน้าตัดของไม้
- เลื่อยลอ มีลักษณะคล้ายเลื่อยสันแข็งต่างกันที่ด้ามจับซึ่งเป็นด้ามยาว ฟันเลื่อยมีทั้งชนิดหยาบและละเอียด ใบเลื่อยกว้าง 2.5 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว 10 นิ้วและ 12 นิ้ว แต่ที่นิยมใช้กันมากคือ 10 นิ้ว เหมาะสำหรับใช้บากปากไม้เพื่อทำเดือยเข้าไม้แบบต่างๆ และงานไม้ที่ต้องการความประณีตเป็นพิเศษ
- เลื่อยฉลุ นิยมใช้ทำงานประดิษฐ์ ใช้กับงานไม้ เหมาะสำหรับงานตัดโค้ง ทำลวดลาย เวลาใช้งานต้องขึงใบเลื่อยกับด้ามและคันเลื่อยให้ตึง ใบเลื่อยมีขนาดค่อนข้างเล็กมากเหมือนเส้นลวด มีความอ่อนตัว เหมาะกับชิ้นงานที่มีขนาดไม่ใหญ่ ไม่หนา มากนัก
- เลื่อยตัดเหล็ก เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก มีลักษณะคล้ายเลื่อยฉลุ แต่คันเลื่อยโค้งไม่มาก การใช้งานส่วนใหญ่จะใช้ตัดโลหะทั่วไป อาทิ ตะปู น็อต สกรู เหล็กฉาก หรือ ท่อพีวีซี ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาว ปลายใบเลื่อยทั้ง 2 ข้าง ติดกับปลายและโคน คันเลื่อย ขนาดยาวตามมาตรฐาน 12 นิ้ว เหมาะสำหรับที่มีพื้นที่จำกัด สามารถเปลี่ยนใบเลื่อยได้
- เลื่อยหางหนู หรือ เลื่อยฉลุฝ้า ใช้เลื่อยชิ้นงานเป็นแนวโค้ง หรือวงกลมและลวดลายต่างๆ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกสามารถใช้เจาะฝ้าหรือผนังยิปซั่มได้ ใบเลื่อยมีขนาดเล็ก โคนใหญ่มีมือจับ ปลายใบเลื่อยเรียว แหลม เล็ก สามารถถอดเปลี่ยนใบเลื่อยได้
- เลื่อยคันธนู เป็นเลื่อยที่มีลักษณะคล้ายคันธนู เหมาะสำหรับใช้เลื่อยตัดกิ่งไม้ทั้งไม้สด และแห้ง หรือตัดต้นไม้เป็นท่อนๆเพื่อการเคลื่อนย้ายสำหรับงานก่อสร้าง ใบเลื่อยผลิตจากเหล็กกล้าและชุบแข็งที่ฟันเลื่อย จึงมีความคมและแกร่งเป็นพิเศษ สามารถตัดชิ้นงานได้ทั้งจังหวะเลื่อยขึ้น และลง โดยมีให้เลือกหลายขนาด อาทิ 12 นิ้ว21 นิ้ว24 นิ้วหรือ 30 นิ้ว
- เลื่อยตัดกิ่งไม้ ใช้ตัดแต่งกิ่งไม้ ตัดก่อไผ่ ฯลฯ ด้วยลักษณะความโค้งของคมเลื่อย และฟันเลื่อย จึงทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถตัดแต่งกิ่งไม้ในที่สูงได้ โดยต่อด้ามเลื่อยเข้ากับลำไม้ไผ่ แค่นี้เราก็ไม่ต้องปีนต้นไม้ให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
การใช้เลื่อยมือ ควรใส่ใจในความปลอดภัยเสมอ และควรตรวจสอบสภาพของเลื่อยเพื่อให้ใช้งานได้ดีและปลอดภัย นอกจากนี้ควรทำความสะอาดและเก็บรักษาเลื่อยให้ดี เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
เช็คราคา เลื่อยมือ ทุกรูปแบบได้ที่นี่
7. คัตเตอร์ (Cutter)
เครื่องมือช่างที่ขาดไม่ได้อีกอย่างในรายการคือ คัตเตอร์ มีดขนาดเล็กที่มีไว้สำหรับตัด กรีด ใบมีดบางเลื่อนออกจากด้ามที่ครอบอยู่ ซึ่งหลายคนอาจจะเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับคัตเตอร์มาอย่างแน่นอน เพราะยิ่งคัตเตอร์เป็นอุปกรณ์เครื่องมือที่เราใช้กันมานาน และใช้งานอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งทำให้เราละเลยเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะฉะนั้นเราต้องยิ่งให้ความสำคัญในการใช้งานให้ปลอดภัยดีกว่า ใบมีดสามารถเปลี่ยนได้ง่ายเมื่อใบมีดทื่อ หากคุณกลัวว่าจะตัดบางสิ่งที่ลึกเกินไป ให้ดึงใบมีดกลับเข้าไปแล้วล็อคเข้าที่เพื่อหั่นให้ตื้นขึ้น เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าใส่มีดนี้กลับเข้าไปในกระเป๋าเครื่องมือหรือกระเป๋าของคุณโดยไม่ได้ดึงใบมีดกลับเข้าที่ และต้องแน่ใจว่าได้เก็บใบมีดคมไว้ในมีด
คัตเตอร์สามารถใช้งานกับอะไรได้หลากหลาย เช่น:
- กระดาษ: ใช้ในงานฝีมือทำโมเดลหรืองานฝีมือที่ต้องตัดกระดาษเป็นรูปที่ต้องการ
- ซีเมนต์: ในงานก่อสร้าง คัตเตอร์ใช้ในการตัดซีเมนต์หรือวัสดุกาวที่ต้องการในรูปที่เหมาะสม
- ผ้า: คัตเตอร์สามารถใช้ตัดผ้าที่มีความหนาและแข็ง เช่น ในงานเย็บเสื้อผ้า หรืองานฝีมือทำงานกับผ้า
- พลาสติก: เมื่อต้องการตัดหรือปรับขนาดวัสดุพลาสติก เครื่องมือนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์
- ลวด: คัตเตอร์สามารถใช้ในงานที่ต้องตัดลวดที่มีความหนาและแข็ง เช่น ในงานทำงานกับลวด
- งานอิเล็กทรอนิกส์: ในบางครั้งคัตเตอร์ใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตัดสายไฟหรือส่วนที่ไม่จำเป็นของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การใช้งานคัตเตอร์ ควรใส่ใจในด้านความปลอดภัยเสมอ ควรใส่ถุงมือหรือใส่มือครอบเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากมีดตัดของคัตเตอร์ และควรเลือกใช้คัตเตอร์ที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับงานที่ต้องการ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
8. ขวาน (Axe)
เป็นเครื่องมือที่มีมาแต่อดีต ใช้ในการตัดไม้ หรือหั่นไม้ รวมไปถึงการใช้เป็นอาวุธ โดยทั่วไปขวานจะประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ ส่วนหัว และส่วนด้ามจับ โดยจะเห็นได้ว่าขวานเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับลิ่ม ที่ใช้ในการผ่อนแรง ขวานในสมัยโบราณ ส่วนหัวทำจากหิน และผูกเข้ากันกับด้ามไม้ ในขณะที่ขวานในยุคปัจจุบันส่วนหัว จะสร้างจากเหล็กและด้ามจับไม้ โดยขวานจะมีทั้งแบบที่ด้ามยาว และแบบด้ามสั้นขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานของขวานนั้น ๆ ดังนั้นการเลือกของคุณจะถูกควบคุมโดยงานที่คุณทำ สำหรับการทำงานกับไม้เพียงอย่างเดียว ก็มีแกนหลายแบบ เลือกขวานขนาดเล็กที่ถือได้ง่ายด้วยมือเดียว และพกพาสะดวก สามารถจัดเก็บได้มากกว่าด้ามขนาดใหญ่ การหาเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานนั้นซับซ้อนกว่าเล็กน้อยเมื่อพูดถึงขวาน เพราะมีเครื่องมือหลายประเภทที่แตกต่างกันออกไป แต่นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่คุณต้องเลือกในที่สุดจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงนั่นเอง
ขวานเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในงานช่างมากมาย เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดและแยกวัตถุหรือวัสดุที่มีความหนาและแข็ง ประโยชน์ของขวานในงานช่างมีหลายประการ อาทิเช่น
- งานไม้: ในงานช่างไม้ ขวานเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดแยกไม้ที่ต้องการ ช่วยในกระบวนการตัดไม้ให้เป็นชิ้นที่ต้องการเพื่อนำมาใช้ในงานต่อไป เช่น การทำเฟอร์นิเจอร์หรืองานไม้ต่าง ๆ
- การตัด ในงานการทำสวนหรืองานเกษตรกรรม ขวานสามารถใช้ตัดหญ้าหรือพืชที่เติบโตอยู่ในพื้นที่ ทำให้สวนหรือที่ดินมีความเรียบร้อยและสะอาด
- งานซ่อมแซม: ในกรณีที่ต้องทำการซ่อมแซม ขวานช่วยในกระบวนการตัดแยกวัสดุหรือส่วนของวัตถุที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือซ่อมแซม
- งานสำหรับชีวิตประจำวัน: ในชีวิตประจำวัน ขวานสามารถใช้ในการตัดของเช่น อาหารหรือวัสดุที่ต้องการในรูปที่เหมาะสม
ดังนั้นการเลือกของคุณจะถูกควบคุมโดยงานที่คุณทำ สำหรับการทำงานกับไม้เพียงอย่างเดียว ก็มีแกนหลายแบบ เลือกขวานขนาดเล็กที่ถือได้ง่ายด้วยมือเดียว และพกพาสะดวก สามารถจัดเก็บได้มากกว่าด้ามขนาดใหญ่ การหาเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานนั้นซับซ้อนกว่าเล็กน้อยเมื่อพูดถึงขวาน เพราะมีเครื่องมือหลายประเภทที่แตกต่างกันออกไป แต่นั่นก็หมายความว่าสิ่งที่คุณต้องเลือกในที่สุดจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงนั่นเอง
9. แท่งแงะ (Pry Bars)
แท่งแงะเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้มือและไม่ต้องใช้ไฟฟ้า มีหลายขนาดและหลายสไตล์ งานก่อสร้างส่วนใหญ่มีงานหลายงานในสถานที่เพื่อให้แถบแงะที่เหมาะสมสามารถใช้เพื่อทำให้งานเร็วขึ้น แถบแงะ เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายสำหรับงานก่อสร้าง และงานหลังคา
โดยทั่วไปแล้วจะมีปลายตรงด้านหนึ่ง และปลายโค้งหนึ่งด้าน และปลายแต่ละด้านมีก้ามปูที่มักใช้เพื่อช่วยในการถอดต่างๆ สิ่งเหล่านี้ใช้ในการก่อสร้างบ่อยกว่าในการรื้อถอน ซึ่งต่างจากชะแลงซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเครื่องมือในการรื้อถอน งัดแงะมีหลายขนาดแต่โดยทั่วไปจะเล็กกว่าชะแลง พวกมันใช้งานได้หลากหลายและบางครั้งก็ให้ความยาวที่ปรับได้ ทำให้มีแรงบิดมากหรือน้อยในการงัดจริง
แท่งแงะสามารถใช้งานในหลายสถานการณ์ เช่น:
- ในงานก่อสร้าง แท่งแงะใช้ในการแกะสิ่งของออกจากตำแหน่งที่ติดตั้ง เช่น การแกะกระเบื้องหรือวัสดุกาว
- งานช่างไม้ ในงานทำงานกับไม้ แท่งแงะช่วยในกระบวนการแยกชิ้นงานไม้หรือปรับรูปทรงของชิ้นงานไม้ต่าง ๆ
- การซ่อมแซมในการซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ต้องการการแกะเปิดเพื่อเข้าถึงส่วนภายใน
- การติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: ในงานที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ แท่งแงะช่วยในการแกะเปิดเครื่องมือหรืออุปกรณ์เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซม
การใช้งานแท่งแงะ ควรใส่ใจในด้านความปลอดภัยเสมอ ควรสวมใส่ถุงมือหรือมือครอบเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากส่วนของแท่งแงะ และควรเลือกใช้แท่งแงะที่มีคุณภาพดีและเหมาะสำหรับงานที่ต้องการ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการทำงานช่างและในชีวิตประจำวัน
10. ปืนลวดเย็บกระดาษ (Staple Guns)
เมื่อคุณรู้ว่าจะใช้ลวดเย็บแบบใด ก็ถึงเวลาเลือกปืนลวดเย็บกระดาษที่เหมาะกับงานของคุณ และผลิตขึ้นสำหรับประเภทลวดเย็บกระดาษและความยาวของขาที่คุณต้องการ ปืนหลักและค้อนตอกตะปูประเภทต่างๆ ให้กำลัง ความแม่นยำ และประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน มีหลายสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกเครื่องมือของคุณ
- ปืนเย็บกระดาษแบบแมนนวล ง่ายต่อการจัดการ และพกพาติดตัวไปกับคุณ เหมาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ลวดเย็บกระดาษจำนวนจำกัด แต่ต้องการพลังของกล้ามเนื้อมาก หากคุณใช้ในงานขนาดใหญ่ ปืนลวดเย็บกระดาษแบบแมนนวลมีให้เลือกทั้งแบบพลาสติก อะลูมิเนียม และเหล็กกล้า ปืนเย็บกระดาษพลาสติกมีน้ำหนักเบา และใช้งานง่าย เหมาะสำหรับงานที่เรียบง่ายกว่าที่บ้าน ปืนสั้นอะลูมิเนียม และเหล็กกล้ามีความเปราะบางน้อยกว่า และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานขนาดใหญ่ วัสดุที่ใช้งานหนัก และการใช้งานกลางแจ้ง
- ปืนลวดเย็บกระดาษไฟฟ้า ให้กำลังและความแม่นยำมากกว่าแบบแมนนวล ช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพในการเย็บเล่มบนเพดาน มุม และพื้นที่แคบที่แรงมือไม่เพียงพอเสมอไป บางรุ่นมีสายไฟ ขณะที่บางรุ่นใช้แบตเตอรี่และใช้งานได้เมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้ เช่น เมื่อทำงานกลางแจ้ง
- ปืนเย็บกระดาษลม ทรงพลังและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับงานก่อสร้างแบบมืออาชีพ แต่ยังสำหรับการติดตั้งกรุ ปูพื้น และงานที่คล้ายกันซึ่งต้องใช้ลวดเย็บกระดาษจำนวนมากหรือยาว ปืนหลักนิวเมติกมีน้ำหนักเบา แต่มีความคล่องตัวจำกัด เนื่องจากเชื่อมต่อกับคอมเพรสเซอร์
การใช้ปืนลวดเย็บกระดาษนั้นไม่ยุ่งยาก โดยเพียงแค่วางกระดาษที่ต้องการเย็บลงบนพื้นหรือผิวที่แน่นหนาแล้วกดปืนลวดเย็บที่ด้านบน ลวดเย็บจะถูกเดินทางมาและเจาะผ่านกระดาษให้เกิดรูเสียบรู่ จากนั้นกดปืนให้ลวดหัวต่อมาอยู่ภายในรูเสียบรู่เพื่อทำการเย็บให้เสร็จสมบูรณ์
ปืนลวดเย็บกระดาษมีหลากหลายรุ่นและขนาดให้เลือกตามความต้องการ การเลือกใช้ปืนลวดเย็บที่เหมาะสมจะช่วยให้การทำงานด้านการเย็บกระดาษหรือวัตถุอื่น ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
11. ตะไบ (Rasp)
ตะไบเป็น เครื่องมือช่าง ที่ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ผิวรอบๆ หรือบางส่วนจะถูกทำให้นูนขึ้นมาเป็นเส้นเล็กๆ ที่เรียกว่า ฟันตะไบ ซึ่งมีความหยาบและค่อนข้างคม ใช้สำหรับการขัดแต่งผิววัสดุต่างๆ เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก เรซิน หรือใช้ปาดหน้าชิ้นงานที่ต้องการขจัดส่วนเกิน รอยต่อ รอยเชื่อม หรือผิวขรุขระ แต่การตะไบจะค่อยๆ ขัดเนื้อออกทีละน้อยเท่านั้น ให้ความเร็วและใช้งานคล่องกว่ากระดาษทราย
ตะไบมีหลายรูปทรง เพื่อรองรับงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลักๆ ตามลักษณะฟันตะไบ ได้แก่
– ตะไบคมตัดเดี่ยว (Single Cut File) : ร่องฟันจะเรียงแถวขนานกันไปในทิศทางเดียว โดยจะทำมุมกับแนวยาวของหน้าตะไบ
– ตะไบคมตัดคู่ (Double Cut File) : เส้นฟันตะไบจะมีสองทิศทาง ลากจากด้านใดด้านหนึ่งให้ตัดกับอีกเส้น ปลายคมตัดจะมียอดแหลม จึงสามารถตัดเฉือนวัสดุได้ดีกว่า ละเอียดกว่า
– ตะไบคมตัดโค้ง (Curved Cut File) : เส้นฟันตะไบจะมีลักษณะโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว แต่ละเส้นค่อนข้างห่างกันมากกว่า 2 แบบแรก ข้อดีคือเวลาใช้งานเศษวัสดุจะไม่ติดร่องฟัน ใช้ทำงานตกแต่งได้ดี
– ตะไบคมตัดหยาบหรือคมตัดนูน (Rasp Cut File) : ฟันตะไบจะดูเหมือนยอดแหลมๆ คล้ายบุ้ง เหมาะสำหรับขัดแต่งวัสดุอ่อน อย่างเช่น อะลูมิเนียม เป็นต้น
12. ปากกาจับชิ้นงาน (Vise)
แผ่นโลหะสองแผ่นพร้อมสกรูที่ดึงเข้าด้วยกัน – นั่นคือทั้งหมดที่เป็นคีมจับ และยังอาจกลายเป็นเครื่องมือที่คุณขาดไม่ได้ อุปกรณ์ทำงานช่างที่ใช้สำหรับ ยึดจับชิ้นงานให้แน่นเพื่อทำการ ขัด เจาะ ตัด ตอก ตะไบชิ้นงานจำพวก โลหะ พลาสติก ไม้ มีลักษณะเป็นขากรรไกรคู่ขนานสองข้าง ซึ่งข้าง หนึ่งติดอยู่กับที่ ส่วนอีกข้างหนึ่งขยับได้โดยใช้สกรูและคันโยก ตัวอุปกรณ์จะติดตั้งบนโต๊ะงานเพื่อให้ทำงานได้สะดวก รวดเร็ว เป็นเครื่องมือที่สำคัญมากทั้งการทำงานช่างในครัวเรือนและในภาคอุตสาหกรรม
ปากกาจับชิ้นงาน (Vise)
- ปากกาจับชิ้นงานตั้งโต๊ะ มีลักษณะเป็นท่อนเหล็กสองท่อนประกอบเข้าด้วยกัน โดยเหล็กชิ้นแรกเป็นฐานใช้ยึดกับโต๊ะ มีช่องสำหรับให้เหล็กชิ้นที่สองประกอบเข้าไปได้ ส่วนด้านบนของท่อนเหล็กสองชิ้นจะมีเหล็กหนาผิวหน้าเรียบสองแผ่นเป็นตัว จับชิ้นงาน มีด้ามหมุนเข้า-ออก เป็นกลไกให้เหล็กหน้าเรียบทั้งสองชิ้นประกบเข้า-ออก ด้วยกันอย่างแนบสนิท แข็งแรง และปลดออก ได้รวดเร็วเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อนใช้งานง่าย เหมาะกับจับชิ้นงานเหล็กและงานไม้
- ปากกาจับชิ้นงานบนแท่นเครื่องมิลลิ่ง เป็นปากกาจับชิ้นงานที่ออกแบบมาเพื่อใช้บนแท่นเครื่องกัดเพราะมี โครงสร้างที่แข็งแรง มีลักษณะตัวเครื่องและขากรรไกรทำจากเหล็กติดบนแท่นเครื่องกัด จึงมีความแกร่งช่วยรับแรงตัดได้ดี เหมาะสำหรับจับยึดชิ้นงานเพื่อทำการกัดและการเจาะ สามารถใช้ได้กับวัสดุที่หลากหลาย เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม พลาสติก ไม้
- ปากกาจับงานแบบปรับองศาได้ เป็นอุปกรณ์จับชิ้นงานที่สามารถปรับมุมเอียงซ้าย-ขวา เพื่อปรับองศาให้เข้ากับรูปทรงชิ้นงานได้ ลักษณะเป็นท่อนเหล็กมีควอดรันต์บอกองศาติดอยู่ด้านข้างตัวเครื่องมือ ช่วยให้ผู้ใช้ปรับองศาชิ้นงานได้ตามต้องการ คุณสมบัติเด่นคือ ตัวเครื่องหลักสามารถปรับมุมได้ 90 องศา ในขณะที่ฐานยังคงติดอยู่กับที่บนโต๊ะงาน การเอียงนี้ช่วยให้ผู้ใช้วางชิ้นงา ในตำแหน่งที่สะดวก เหมาะกับงานตัด เลื่อย เจาะรีม หรือการกัด ใช้ได้กับวัสดุที่หลากหลาย เช่น อะลูมิเนียม พลาสติก โลหะ เหล็ก ไม้
- ปากกาจับไม้หัวโต๊ะ มีโครงสร้างที่ทำจากโลหะ เป็นอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งเข้ากับขอบของหัวโต๊ะเมื่อใช้งาน ใช้สำหรับ จับไม้ในการตัดหรือเลื่อย มีขากรรไกรที่กว้างทำให้ทนต่อแรงบีบได้มากจึงช่วยลดการแตกร้าวของไม้ขณะทำงานได้ เหมาะสำหรับการตัด หรือเลื่อยไม้ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ทั้งในครัวเรือนและในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้
การใช้ปากกาจับชิ้นงานมีประโยชน์ในหลากหลายสถานการณ์ ในงานอุตสาหกรรม เช่น การประกอบอะไหล่ การผลิต หรือการซ่อมบำรุง เนื่องจากปากกาจับชิ้นงานช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ปากกาจับชิ้นงานยังเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้ในงานฝีมือ เช่น ศิลปะการประดับ การทำงานที่ใช้เวลาและความละเอียดสูง เช่น การประกอบงานกระจก งานหนังสือพิมพ์ หรืองานซ่อมแซมของเครื่องใช้ในบ้าน ปากกาจับชิ้นงานที่มีความพิเศษอาจมีลักษณะที่ปรับเปลี่ยนความกว้างได้ เพื่อให้สามารถใช้กับวัตถุที่มีขนาดและรูปร่างที่หลากหลายได้
13. ทั่ง (Anvils)
ทั่งเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์อย่างเหลือเชื่อ แม้แต่ทั่งที่เล็กที่สุดก็หมายความว่าไม่ใช่เครื่องมือช่าง แต่เมื่อคุณต้องการทั่ง ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ใช้งานได้ ทั่งมักใช้ในงานโลหะ และช่างตีเหล็กโดยทั่วไป ทั่งเป็นอุปกรณ์หนักที่ใช้ปั้นโลหะ เมื่อวางโลหะร้อนไว้ด้านบน เช่น ดาบหรือ มีดตรงออกจากเตา ผู้ใช้จะตีโลหะร้อนด้วยค้อนทุบให้เข้ารูปกับทั่ง รูปร่างปกติของทั่ง คือการมีปลายด้านหนึ่งเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และอีกด้านหนึ่งเป็นปลายมนเพื่อให้สามารถทำงานต่างๆ บนทั่งได้
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังพยายามรีดรอยพับบนโลหะที่คุณกำลังขึ้นรูป คุณจะใช้ปลายสี่เหลี่ยมจัตุรัสเนื่องจากมุมที่คมของมันจะช่วยให้คุณพับโลหะที่ร้อน และอ่อนได้ทับไว้ด้วยทั่งที่ใหญ่กว่าจะดีกว่า ยิ่งทั่งของคุณมีมวลมาก (ยิ่งใหญ่ ยิ่งหนัก) ยิ่งสามารถทุบค้อนได้ดีเท่านั้น ในทางกลับกัน พลังงานของคุณจะกระจายไปในงานของคุณมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งทั่งที่หนักกว่า คุณก็จะต้องใช้แรงน้อยลงในการขึ้นรูปโลหะของคุณ
การทำเหล็กหรือวัตถุที่ต้องการความแข็งแรง โดยมีวิธีการใช้คือนำวัตถุที่ต้องการเรียกดูดซึ่งอาจเป็นเหล็กหรือโลหะอื่น ๆ มาวางบนพื้นหนาของหลอมเหล็กและใช้ค้อนตีที่ทำจากโลหะและตีก้อนให้มีแรงกระแทกเพื่อเปลี่ยนรูปร่างและเพิ่มความแข็งแรงให้กับวัตถุนั้น หลังจากนั้นก็จะได้วัตถุที่มีรูปร่างและความแข็งแรงตามที่ต้องการ
14. กรรไกร (Scissors)
กรรไกรมีประเภทเฉพาะสำหรับงานเฉพาะ มากกว่าเครื่องมืออื่นๆ ในที่นี้ การใช้กรรไกรที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ทั้งเครื่องมือ และงานของคุณเสียหาย วัสดุที่ใช้ในกรรไกร และโครงร่างของใบมีด หรือความยาวของด้ามจับเป็นสิ่งที่กำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะของคู่ โดยทั่วไปสามารถจำแนกประเภทของกรรไกร และลักษณะการใช้งานได้ดังนี้ กรรไกรมาตรฐานทั่วไป ใช้สำหรับตัดวัสดุขนาดบาง เช่น กระดาษ พลาสติก เชือกฟาง ภาพถ่าย ริบบิ้น หรือวัสดุอื่นๆ ตามความเหมาะสม กรรไกรใบมีดขนาดยาว ใช้ตัดวัสดุที่มีขนาดใหญ่และหนาได้ดี เช่น ผ้า กระดาษแผ่นใหญ่ แผ่นโลหะทั่วไป เป็นต้น กรรไกรอเนกประสงค์ ใช้ตัดวัสดุของแข็งได้ดี เช่น สายไฟ ลวด พรม สังกะสีแผ่นบาง และตัดกิ่งไม้ เป็นต้น กรรไกรก้ามปู ใช้ในงานฝีมือ เช่น ตัดเส้นด้าย เส้นไหม เป็นต้น
กรรไกรคือเครื่องมือที่มีลักษณะเป็นคีมหรือแคลมป์ที่มีลูกตัด ใช้สำหรับตัดวัตถุที่มีความหนาแน่นหรือแข็ง เช่น เหล็ก โลหะ ลวด หรือวัตถุอื่น ๆ ตามความต้องการ กรรไกรสามารถใช้ตัดวัตถุที่มีความหนาแน่นให้เป็นชิ้นย่อย ๆ หรือแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ทำให้เป็นเครื่องมือที่สำคัญและควรมีในงานช่างและการทำงานที่ต้องใช้ความแม่นยำ
กรรไกรมีหลากหลายรูปแบบและขนาด ซึ่งแต่ละประเภทของกรรไกรจะใช้สำหรับงานที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น
- กรรไกรตัดเหล็ก: ใช้ตัดเหล็กและวัตถุโลหะที่มีความหนาแน่น
- กรรไกรตัดลวด: ใช้ตัดลวดและวัตถุที่มีขนาดเล็ก
- กรรไกรตัดใย: ใช้ตัดใยสักด้าน
- กรรไกรปรับรูป: ใช้ปรับรูปและตัดวัตถุที่อ่อนแอเพื่อให้เปลี่ยนรูปร่างได้ตามต้องการ
การใช้งานกรรไกรต้องใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีลูกตัดที่คมและสามารถตัดวัตถุได้โดยง่าย นอกจากนี้ การดูแลรักษาและบำรุงรักษากรรไกรให้ใช้งานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานค่อนข้างสำคัญด้วย
15. แคลมป์ (C-Clamps)
แคลมป์เป็นอุปกรณ์หนีบชนิดหนึ่งที่ใช้ยึดวัสดุเข้าที่ โดยปกติแล้วจะเป็นไม้หรือโลหะ แคลมป์เหล่านี้ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น งานไม้ งานเชื่อม ยานยนต์ และอื่นๆ เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าแคลมป์ C ได้รับการตั้งชื่อตามความคล้ายคลึงระหว่างรูปลักษณ์ของแคลมป์กับตัวอักษร “C”แคลมป์ C บางครั้งเรียกว่า G-clamp เพราะเมื่อรวมสกรูแล้ว แคลมป์จะดูเหมือนตัวอักษร “G” ที่หนีบมีความคล้ายคลึงกันกับตัวอักษรเหล่านี้ แต่เดิมที่หนีบ C เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Carriage Clamp และคำว่า “Carriage” ถูกย่อให้เหลือเพียงแค่ตัวอักษร “C” ใช้แคลมป์โดยหมุนสกรูผ่านด้านล่างของเฟรมแคลมป์จนกว่าจะถึงปริมาณแรงดันที่จำเป็นในการจับชิ้นงาน หากแคลมป์ถูกขันให้แน่น ชิ้นงานที่ยึดจะยึดไว้ระหว่างปลายแบนของสกรูกับปลายแบนของเฟรม อย่างไรก็ตาม หากแคลมป์คลาย จะต้องปล่อยแรงจำนวนมากเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุคงที่เหล่านั้นได้ C-clamps หรือที่เรียกว่า G-clamps ประกอบด้วยเฟรมรูปตัว C ความกว้างคงที่และสกรูแบบปรับได้ที่สามารถขันหรือคลายเพื่อยึดชิ้นงานให้แน่น
16. ชะแลง (Crowbar)
ชะแลง ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเจาะ ตอก แซะและงัดวัตถุชิ้นงาน เช่น ตะปู หิน และงานอื่น ๆ ซึ่งนิยมนำมาใช้งานก่อสร้าง ชะแลง ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ที่มีความแข็งแรง ทนทาน แถมยังทนต่อการกัดกร่อนได้ดี แท่งโลหะหนักยาวที่มีปลายด้านหนึ่งมีรูปร่างเหมือนลิ่ม ในขณะที่ปลายอีกด้านจะแยกเล็กน้อย ปลายลิ่ม สามารถบีบได้ภายใต้วัตถุต่าง ๆ ในขณะที่แท่งถูกใช้เป็นคันโยก เพื่อแยกพวกมันออก และส่วนปลายที่แตกหักสามารถใช้ดึงวัตถุต่าง ๆ ออกได้ ชะแลง บางตัวโค้งงอที่ปลายง่าม เพื่อให้งัดมากขึ้นที่ถูกออกแบบมาสำหรับการรื้อถอนนั่นเอง
การใช้ ชะแลง ควรทำอย่างระมัดระวังและใช้เทคนิคที่ถูกต้อง เนื่องจาก ชะแลง สามารถถอนหรือบีบเบ้าวัตถุออกจากที่ติดอยู่ได้โดยรวดเร็ว และอาจทำให้เกิดอันตรายหากใช้ไม่ถูกวิธี แต่อย่างไรก็ตาม ชะแลง ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้งานก่อสร้าง และงานซ่อมบำรุงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความลำบากในการทำงานได้มากมาย
17. กบไสไม้ (Planing)
กบไสไม้ เป็นเครื่องมือ ที่ใช้ในงานไม้เพื่อปรับพื้นผิวไม้ให้เรียบและได้ระดับ ออกแบบมาเพื่อขจัดชั้นบางๆ ของไม้ออกจากพื้นผิว ทำให้สามารถขึ้นรูปไม้ได้อย่างแม่นยำ และสม่ำเสมอ สามารถปรับขนาดไม้หรือทำให้แผ่นไม้หรือคานไม้บางลง เพื่อให้ได้ความหนาตามต้องการ และสามารถสร้างมุมเอียง และลบมุมได้ ในการเรียกขนาดของ กบไสไม้ เรียกกันตามความยาวของหัวตัด เช่น กบไสไม้ ขนาด 3 นิ้ว และ 5 นิ้ว และแบ่งตามลักษณะของใบมีดได้อีก 2 ชนิดคือ ใบมีดชนิดคมเดียวละใบมีดชนิดสองคมนั่นเอง การใช้ กบไสไม้ ต้องมีความระมัดระวังและความชำนาญ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้กับวัสดุที่มีความหนาแน่น และความแข็ง การใช้ กบไสไม้ ให้ถูกต้องจะช่วยให้งานมีความสมบูรณ์ และสวยงามมากขึ้นอีกด้วย
18. ค้อน (Mallet)
ค้อนใช้สำหรับ ใช้ตอก ทุบ เคาะ หรือทำลายวัสดุ โดยส่วนใหญ่ใช้ในงานที่ต้องใช้ความแรงเช่น งานก่อสร้าง, งานช่างไม้, งานซ่อมบำรุง, งานประปา เป็นต้น และคุณจะเห็นได้ว่า ค้อน เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้หลากหลาย หากพูดถึงส่วนประกอบของ ค้อน จะประกอบด้วยสองส่วนหลัก ๆ ก็คือ หัวค้อนและด้ามค้อน นั่นเอง หัวค้อนมีลักษณะคล้ายกับค้านที่มีด้าม และหมึกคล้ายหมวกขว้าง ส่วนอาจด้ามจับของ ค้อน มักทำจากไม้ ไฟเบอร์กลาส หรือโลหะ ทำให้จับได้ถนัดมือ และช่วยให้คุณสามารถแกว่ง และควบคุมเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย การใช้ค้อนต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และควรเลือกใช้ ค้อน ที่เหมาะสมกับงานที่ทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ค้อน ได้แบ่งออกไปตามลักษณะการใช้งาน มีโครงสร้างและรูปร่างแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ค้อนปอนด์, ค้อนยาง, ค้อนหงอน, ค้อนตอกตะปู เป็นต้น
เช็คราคา ค้อน ปัจจุบันที่นี่
19. สิ่ว (Chisels)
คุณรู้หรือๆม่ว่า สิ่ว ที่เรารู้จักในทุกวันนี้ ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ มีให้เลือกหลายรูปแบบ สิ่ว ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตัด และขึ้นรูปไม้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ และมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในเวิร์กช็อป ช่างไม้ทุกคนควรมี สิ่วคุณภาพดีสักชุด สิ่ว คมที่ให้ความรู้สึกสบาย และสมดุลดีในมือคือความสุขในการใช้งาน และสามารถปรับปรุงคุณภาพของผลงานได้อย่างมาก
สำหรับช่างไม้แล้ว สิ่ว นับว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ สิ่ว ใช้กันมากสำหรับการเจาะเข้าเดือย ตบแต่ง ลบมุม หรือการแต่งอื่น ๆ ด้ามจับส่วนใหญ่มักทำจากไม้เนื้อแข็งหรือวัสดุสังเคราะห์ที่ป้องกันการแตกหัก และมักจะโค้งมนเพื่อให้จับได้ถนัดที่สุด และตัวสิ่วทำจากเหล็กกล้ามีคม และแข็งแรง สิ่ว ทำจากโลหะ และคุณสมบัติที่ชาญฉลาดของมันคือคมตัดที่เอียง ไม่น่าแปลกใจที่มีสิ่วที่แตกต่างกันสำหรับงานที่แตกต่างกัน สิ่วเย็น และร้อนถูกใช้ในงานโลหะ โดยช่างตีเหล็กจะใช้อันที่เหมาะสมสำหรับโลหะร้อน หรือเย็นที่เขาทำงานอยู่ สิ่วสำหรับก่ออิฐและสิ่วหินโดยทั่วไปแล้วจะหนักกว่า โดยประเภทงานก่ออิฐมักใช้ในการรื้อถอน เช่น ค้อนแม่แรง คุณจะพบสิ่งเดียวกันสำหรับงานของคุณเอง และควรมองหาสิ่วที่ทนทาน และรู้สึกดีในมือของคุณ
หากพูดถึง สิ่ว สำหรับงานไม้มีคมตัดที่เอียงและใช้ในการขึ้นรูป ตัด หรือแกะสลักไม้ โดยทั่วไปจะใช้ในโครงการงานไม้เพื่อสร้างการออกแบบที่ซับซ้อน ทำร่องและเดือย หรือนำวัสดุส่วนเกินออก แต่ในทางกลับกัน สิ่ว สำหรับงานโลหะได้รับการออกแบบมาสำหรับการทำงานกับโลหะ มีคมตัดที่แข็งและทนทานกว่าเพื่อให้ทนทานต่อความเข้มงวดของการจัดการโลหะ สิ่วสำหรับงานโลหะใช้สำหรับตัด ขึ้นรูป และทำความสะอาดพื้นผิวโลหะนั่นเอง
20. ระดับน้ำ (Level)
เป็นอุปกรณ์เครื่องมือวัดที่ใช้สําหรับการตรวจสอบความเอียงของพื้นที่ในแนวราบ และแนวดิ่ง ด้วยการสังเกตฟองอากาศภายในของเหลวที่บรรจุอยู่ในหลอดแก้วให้อยู่จุดกึ่งกลาง เพื่อให้สิ่งที่ต้องการตรวจสอบอยู่ในระดับองศาที่ตรงตามต้องการ โดยเครื่องวัดระดับนํ้ามีประโยชน์ในการใช้งานในหลากหลายด้าน ส่วนใหญ่จะใช้ในการตรวจสอบ ยกตัวอย่างเช่น ระดับน้ำ เป็นเครื่องมือประเภทหนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณทราบว่าพื้นผิวมีระดับอย่างสมบูรณ์ เป็นเครื่องมือที่ต้องมีหากคุณเป็นช่างก่ออิฐ ช่างก่อสร้าง นักสำรวจ หรือแม้แต่ผู้ที่ชื่นชอบการ DIY ในบ้าน สามารถช่วยงานบ้านทั่วไป เช่น การแขวนกรอบรูป ตัดแต่งประตู เทคอนกรีต และต่อไปนี่คือคำแนะนำสั้นๆ ที่จะช่วยให้คุณใช้งานระดับน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เหมือนกับ เครื่องมือช่าง อื่นๆ ระดับน้ำ ต้องการการดูแลรักษา เพื่อยืดอายุการใช้งาน และรักษาความแม่นยำไว้ หาก ระน้ำน้ำ ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ระดับน้ำ ของคุณจะคงอยู่นานหลายปี ที่สำคัญน อย่าไปเขย่า ระดับน้ำ มากไป อาจทำให้ขวดแก้วนั้นแตกได้ จัดเก็บ ระดับน้ำ ของคุณให้ราบบนที่วางหรือในกระเป๋าเก็บของ
- เลือก ระดับน้ำ อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
- ทำไมคุณถึงต้องใช้ ระดับน้ำแม่เหล็ก?
- ความสามารถของ ระดับน้ำ และ เลเซอร์วัดระดับ
- วิธีอ่านและใช้ ระดับน้ำ อย่างมืออาชีพ
เช็คราคา ระดับน้ำ ได้ที่นี่
สรุป เครื่องมือช่าง
คุณจะเห็นได้ว่า เครื่องมือช่าง ที่จำเป็นบางอย่างที่พบได้ทั่วไปในชุดเครื่องมือ ได้แก่ ค้อน ไขควง คีม ประแจ เลื่อยมือ มีด เป็นต้น การเลือก เครื่องมือช่าง ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับงานเฉพาะ วัสดุที่ใช้ และขนาดของงาน วัสดุคุณภาพ และการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์มีความสำคัญต่อความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพระหว่างการใช้งาน การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และการดูแลที่เหมาะสม เช่น การทำความสะอาด การหล่อลื่น และการจัดเก็บในที่แห้ง ช่วยให้เครื่องมือมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว เครื่องมือช่าง สามารถใช้ได้กับงานหลากหลายประเภท ตั้งแต่งานซ่อมแซมบ้านขนาดเล็กไปจนถึงงานหนักในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่า เครื่องมือช่าง จะให้ความแม่นยำและการควบคุม แต่เครื่องมือไฟฟ้าก็เป็นที่ต้องการสำหรับงานที่ต้องการความเร็วและความแข็งแรงมากกว่า อย่างไรก็ตาม เครื่องมือช่าง และเครื่องมือไฟฟ้าสามารถเสริมซึ่งกันและกันได้ โดยรวมแล้ว เครื่องมือช่าง มีบทบาทสำคัญในโครงการต่างๆ และจำเป็นสำหรับช่างฝีมือ ผู้ที่ชื่นชอบ DIY และมืออาชีพนั่นเอง
FAQs เครื่องมือช่าง
มือใหม่สามารถใช้ เครื่องมือช่าง ได้ไหม?
ตอบเลยว่า ได้อย่างแน่นอน! เครื่องมือช่าง จำนวนมากใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับมือใหม่ เริ่มต้นด้วยเครื่องมือพื้นฐาน และฝึกฝนเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อสร้างทักษะและความมั่นใจ เมื่อคุณได้รับประสบการณ์ คุณสามารถค่อยๆ ขยายคอลเลกชั่น เครื่องมือช่าง ของคุณไปเรื่อยๆ
จะเลือก เครื่องมือช่าง ที่เหมาะกับงานได้อย่างไร?
ในการเลือก เครื่องมือช่าง ที่เหมาะสม ให้คุณพิจารณาประเภทของงานที่คุณต้องทำก่อน วัสดุที่คุณจะใช้งาน และระดับความแม่นยำที่จำเป็น เครื่องมือช่าง ที่แตกต่างกันมีขนาด และคุณสมบัติที่หลากหลาย ดังนั้นการเลือก เครื่องมือช่าง ที่เหมาะสมสำหรับงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยนั่นเอง
จะบำรุงรักษาและดูแล เครื่องมือช่าง ได้อย่างไร?
การบำรุงรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุและประสิทธิภาพของเครื่องมือช่างของคุณ หลังจากใช้งานแต่ละครั้ง ให้ทำความสะอาดเครื่องมือจากเศษและสิ่งสกปรก และเก็บไว้ในที่แห้งเพื่อป้องกันสนิม ตรวจสอบที่จับอย่างสม่ำเสมอเพื่อหารอยแตกหรือความเสียหาย และหากจำเป็น ให้เปลี่ยนใหม่ รักษาคมตัดให้คมอยู่เสมอและหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้ตามต้องการ
จะซื้อ เครื่องมือช่าง ที่มีคุณภาพได้ที่ไหน?
คุณสามารถหา เครื่องมือช่าง คุณภาพได้ที่ร้านขายเครื่องมือช่างทั่วไป ผมแนะนำร้าน iToolmart ที่มี เครื่องมือช่าง หลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน แถมยังมีเว็บไซต์ สามารถสั่งผ่านออนไลน์ได้โดยตรง