เต้ารับ มีกราวด์ กับไม่มีกราวด์ ต่างกันยังไง?บ้านเก่าไม่มีกราวด์ ยังปลอดภัยอยู่ไหม
มีเจ้าของบ้านคนหนึ่งเล่าให้น้องช่างฟังว่า เขาอยู่บ้านหลังเดิมมาเกือบยี่สิบปี ใช้เต้ารับ 2 ขามาตลอด เสียบตู้เย็น เครื่องซักผ้า ปั๊มน้ำ ไม่เคยไฟดูด เบรกเกอร์ไม่เคยตัด จนวันหนึ่งช่างที่มาเปลี่ยนเครื่องทำน้ำอุ่นพูดขึ้นมาประโยคเดียวว่า
“บ้านพี่ไม่มีกราวด์นะ อันนี้เสี่ยงอยู่เหมือนกัน”
คำพูดสั้น ๆ นี้ทำให้หลายคนเริ่มกลับมามองเต้ารับในบ้านตัวเองใหม่ทั้งหมด เพราะมันคือความจริงที่ว่า บ้านจำนวนมากในไทยยังใช้เต้ารับแบบไม่มีกราวด์อยู่ และก็มีคำถามตามมาทันทีว่า
อยู่มาได้นานขนาดนี้ แปลว่ามันปลอดภัยแล้วใช่ไหม? หรือแค่ที่ผ่านมาเราแค่ยังไม่เจอปัญหา?
บทความนี้จะพาคุณค่อย ๆ แกะคำถามเหล่านั้นทีละชั้น โดยไม่ต้องมีพื้นฐานช่างหรือคิดไปไกลถึงการรีโนเวทใหญ่ แค่อ่านไปเรื่อย ๆ คุณอาจเริ่มเข้าใจว่า ระบบไฟฟ้าในบ้านคุณกำลังทำงานอย่างไร และตรงไหนที่ควรใส่ใจมากกว่าที่เคย
เต้ารับไฟฟ้าคืออะไร? จุดเชื่อมต่อไฟฟ้าในบ้านที่หลายคนมองข้าม แต่เสี่ยงกว่าที่คิด
ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน คนส่วนใหญ่มักนึกถึงแอร์ ตู้เย็น หรือเครื่องทำน้ำอุ่น เพราะมันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ใช้ไฟสูง และดูเหมือนจะมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์ที่เรา สัมผัสบ่อยที่สุด และอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดกลับเป็น เต้ารับไฟฟ้า
เต้ารับคือจุดเดียวที่ไฟฟ้าในบ้าน เชื่อมต่อกับร่างกายของคนโดยตรงทุกวัน เราเอามือจับปลั๊ก เสียบ–ถอด วันละหลายครั้ง บางบ้านมีเด็ก บางบ้านมีผู้สูงอายุ แต่แทบไม่มีใครเคยหยุดคิดว่า เต้ารับที่ใช้อยู่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับความเสี่ยงระดับไหน
ในชีวิตประจำวัน เรามักมองเต้ารับเป็นเพียงช่องเสียบธรรมดา เป็นของที่ “มีอยู่แล้ว” ตั้งแต่ซื้อบ้านมา จนกลายเป็นสิ่งที่คุ้นชินเกินกว่าจะตั้งคำถาม ทั้งที่ในทางเทคนิคแล้ว เต้ารับคือด่านสุดท้ายก่อนที่ไฟฟ้าจะเข้าสู่ตัวเครื่องใช้ และเป็นด่านเดียวกันที่ไฟฟ้าอาจย้อนกลับมาหาคนได้ หากเกิดความผิดปกติขึ้น
คำถามสำคัญที่แทบไม่มีใครถามคือ
- เต้ารับนี้ถูกออกแบบมารับโหลดและความเสี่ยงแบบไหน
- ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดไฟรั่วขึ้นมา ไฟจะถูกพาไปทางไหน
- และถ้าไม่มีทางไปอื่นเลย ใครจะเป็นคนรับไฟนั้นแทน
คำตอบของคำถามเหล่านี้เอง ที่ทำให้คำว่า “มีกราวด์” กับ “ไม่มีกราวด์” ไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนขาในเต้ารับ แต่เป็นความแตกต่างด้านความปลอดภัยที่ส่งผลกับชีวิตจริงอย่างมีนัยสำคัญ
กราวด์คืออะไร ถ้าไม่ใช่สายไฟเส้นหนึ่งที่เพิ่มมา
หลายคนเคยได้ยินคำว่า “กราวด์” จากปากช่าง หรือจากสเปกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่พอถามต่อว่ามันคืออะไรจริง ๆ คำตอบที่ได้มักจะสั้นมากว่า “ก็สายดินไง” ซึ่งฟังดูเหมือนเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงกลับยังไม่เห็นภาพว่า กราวด์ช่วยเราไว้ตรงไหน
ลองจินตนาการง่าย ๆ ว่าไฟฟ้าเหมือนน้ำที่ถูกอัดแรงไว้ในท่อ เครื่องใช้ไฟฟ้าคือภาชนะโลหะที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอก ในสภาพปกติ น้ำจะไหลอยู่ในท่อด้านใน ไม่ควรออกมาสัมผัสภาชนะด้านนอกเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉนวนอาจเสื่อมจากความร้อน ความชื้น หรืออายุการใช้งาน น้ำเริ่มซึมออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า “ไฟรั่วจะเกิดไหม” แต่คือ
น้ำควรไหลไปไหน?
ถ้ามีท่อระบาย น้ำก็จะถูกพาออกไปในทิศทางที่ไม่สร้างปัญหา แต่ถ้าไม่มีท่อระบายเลย น้ำจะล้นออกมาตรงจุดที่คุณไปจับพอดี และในโลกของไฟฟ้า จุดนั้นก็คือมือหรือร่างกายของคน
กราวด์ก็คือท่อระบายนี้ เป็นเส้นทางสำรองที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับไฟฟ้าที่ไม่ควรอยู่ในระบบปกติ มันไม่ได้ทำให้เครื่องแรงขึ้น ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดไฟ และไม่ได้ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานดีขึ้นในวันที่ทุกอย่างปกติ แต่กราวด์จะมีค่าขึ้นมาทันทีในวันที่เกิดความผิดพลาด
พูดให้เห็นภาพอีกแบบหนึ่งคือ กราวด์อาจไม่ใช่อุปกรณ์ที่คุณ “รู้สึกถึงการทำงาน” ได้เหมือนสวิตช์หรือเบรกเกอร์ แต่เป็นอุปกรณ์ที่คุณจะดีใจมากถ้ามันมีอยู่ ในวันที่ไฟฟ้าเริ่มไม่เป็นใจ เพราะมันช่วยทำให้ความผิดพลาดของเครื่องใช้ไฟฟ้า จบลงแค่ระบบตัดไฟ ไม่ใช่จบลงที่คน
เต้ารับไม่มีกราวด์ (2 ขา) ของที่อยู่กับบ้านไทยมานาน
เต้ารับแบบ 2 ขา มีหน้าที่ตรงไปตรงมามาก คือจ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้ตามปกติ ไม่มีระบบซับซ้อน ไม่มีวงจรป้องกันเพิ่มเติม มันถูกออกแบบมาในยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้ายังเรียบง่าย กำลังไฟไม่สูง และโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นพลาสติกหรือวัสดุฉนวน ไม่ได้มีโครงโลหะให้ต้องกังวลเรื่องไฟรั่วมากนัก
ในบริบทของยุคนั้น เต้ารับ 2 ขาถือว่าเพียงพอ และใช้งานได้จริง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านไทยจำนวนมากสามารถใช้เต้ารับแบบนี้มาได้นานหลายสิบปีโดยไม่เคยเจอปัญหาใหญ่ ไม่มีไฟดูด ไม่มีอุบัติเหตุรุนแรง และทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกว่า “มันก็น่าจะปลอดภัยอยู่แล้ว”
แต่สิ่งที่เต้ารับ 2 ขา ไม่ถูกออกแบบมาให้รับมือ คือเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นตามอายุการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฉนวนภายในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เริ่มเสื่อม ความชื้นที่แทรกซึมเข้าไปในวงจร หรือความร้อนสะสมจากการใช้งานต่อเนื่องยาวนาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มโอกาสให้เกิดไฟรั่วได้ทั้งสิ้น
เมื่อไฟรั่วเกิดขึ้นในระบบที่ไม่มีกราวด์ ไฟฟ้าจะไม่มีเส้นทางสำรองให้ไหลออกไปอย่างปลอดภัย มันจึงอาจไปค้างอยู่ที่โครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรอจังหวะที่จะไหลผ่านร่างกายของคนที่ไปจับหรือสัมผัสเครื่องนั้นเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ใช้งานไม่สามารถรับรู้ได้ล่วงหน้า
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเต้ารับไม่มีกราวด์ถึงไม่ใช่ปัญหาในวันที่ทุกอย่างยังทำงานปกติ แต่จะกลายเป็นจุดเสี่ยงทันทีในวันที่ระบบเริ่มผิดปกติ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
เต้ารับมีกราวด์ (3 ขา): ไม่ได้ทำให้ปลอดภัย 100% แต่ปลอดภัยขึ้นมาก
เต้ารับ 3 ขา เพิ่มสิ่งเดียวที่เต้ารับ 2 ขาไม่มี นั่นคือ ทางหนีภัย ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นความแตกต่างที่สำคัญมาก
เมื่อเกิดไฟรั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะมาจากฉนวนที่เสื่อม ความชื้น หรือความผิดปกติภายในวงจร ไฟฟ้าส่วนเกินจะไม่ถูกปล่อยให้สะสมอยู่ที่โครงโลหะของเครื่อง แต่จะถูกพาลงดินผ่านสายกราวด์แทน เส้นทางนี้ช่วยลดโอกาสที่ร่างกายของคนจะกลายเป็นทางผ่านของกระแสไฟโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ เต้ารับที่มีกราวด์ยังทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เบรกเกอร์กันดูด (RCD หรือ RCBO) เพราะเมื่อระบบตรวจจับความผิดปกติได้ ไฟจะถูกตัดออกอย่างรวดเร็วในระดับเสี้ยววินาที หลายกรณีผู้ใช้งานแทบไม่รู้สึกอะไร นอกจากไฟดับไปชั่วขณะ
พูดง่าย ๆ คือ เต้ารับมีกราวด์ไม่ได้ทำให้ระบบไฟฟ้า “ไม่ผิดพลาดเลย” แต่ทำให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถูกจำกัดผลกระทบให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จากเหตุที่อาจกลายเป็นอันตรายรุนแรง ก็เหลือเพียงระบบตัดไฟทำงานตามหน้าที่ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีผลกับความปลอดภัยในชีวิตจริงอย่างมาก
ความเข้าใจผิดที่ทำให้หลายบ้านเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในบ้านเก่า คือความเชื่อที่ว่า
“เปลี่ยนเต้ารับเป็น 3 ขา ก็จบแล้ว บ้านปลอดภัยแล้ว”
ความเชื่อนี้ฟังดูสมเหตุสมผลในสายตาคนทั่วไป เพราะภาพที่เห็นคือเต้ารับหน้าตาเหมือนบ้านใหม่ ใช้ปลั๊ก 3 ขาได้ครบ ดูทันสมัยขึ้น แต่ในเชิงระบบไฟฟ้าแล้ว ความปลอดภัยไม่ได้เกิดจากหน้าตาของเต้ารับ แต่อยู่ที่สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังผนัง
ถ้าภายในผนังยังไม่มีสายดิน ไม่มีหลักดิน และไม่มีการเชื่อมต่อกราวด์จริง เต้ารับ 3 ขานั้นก็ยังไม่มีเส้นทางให้ไฟรั่วไหลลงดินได้ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมีเพียง “ความรู้สึกอุ่นใจ” ของผู้ใช้งาน แต่ไม่ได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบเลย
ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ความเข้าใจผิดนี้มักทำให้เจ้าของบ้านกล้าใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ปั๊มน้ำ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูงอื่น ๆ โดยคิดว่าบ้านตัวเองได้รับการป้องกันแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง ระบบไฟฟ้ายังทำงานไม่ต่างจากเดิม
ในบางกรณี สถานการณ์อาจแย่กว่าการไม่เปลี่ยนเต้ารับเลยด้วยซ้ำ เพราะเมื่อผู้ใช้งานเชื่อว่าบ้านปลอดภัยแล้ว ระดับความระมัดระวังจะลดลงโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเกิดไฟรั่วขึ้นจริง ระบบก็ไม่มีอะไรช่วยจัดการความผิดปกตินั้นได้ทันเวลา
บ้านเก่าไม่มีกราวด์ ยังอยู่ได้ไหม หรือควรรีบแก้ทันที
คำตอบที่ตรงไปตรงมาคือ บ้านเก่าที่ไม่มีกราวด์ ยังใช้งานได้ และหลายบ้านก็ใช้งานมาได้จริงเป็นเวลานาน แต่ถ้ามองตามมาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน จะถือว่ายังไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในบ้านเปลี่ยนไปอย่างมาก
สมัยก่อน บ้านหนึ่งหลังอาจมีแค่พัดลม โทรทัศน์ และตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้ทำงานพร้อมกันตลอดทั้งวัน กำลังไฟที่ใช้งานต่อจุดจึงไม่สูงนัก ความเสี่ยงจากไฟรั่วจึงไม่เด่นชัด และหลายครั้งก็ผ่านไปได้โดยไม่เกิดเหตุร้าย
แต่บ้านในปัจจุบันเต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานต่อเนื่องยาวนาน ใช้ไฟสูง และมีโครงโลหะเป็นส่วนประกอบมากขึ้น เช่น เครื่องซักผ้า ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น หรืออุปกรณ์ครัวไฟฟ้า ความร้อนสะสม ความชื้น และอายุการใช้งานของอุปกรณ์เหล่านี้ ล้วนเพิ่มโอกาสให้เกิดไฟรั่วขึ้นทีละน้อยโดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้ตัว
สิ่งสำคัญคือ ไฟรั่วไม่ใช่เหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นทุกวัน หรือเกิดขึ้นทันทีหลังติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ แต่มักเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขหลายอย่างมาประกอบกัน ทั้งเวลา ความชื้น และการเสื่อมสภาพของฉนวน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบ้านที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ก็ยังอาจเจอปัญหาได้ในอนาคต
ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าในอนาคตจะไม่เกิด เพียงแต่หมายความว่า ระบบไฟฟ้าในบ้านยังไม่เคยเจอกับเงื่อนไขที่รุนแรงพอเท่านั้น
เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มไหนที่ควรระวังเป็นพิเศษ
ถ้าบ้านคุณยังไม่มีกราวน์ เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทจะมีความเสียงมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เพราะมีลักษณะการทำงานและโครงสร้างของอุปกรณ์เหล่านี้ ทำให้มีโอกาสเกิดไฟรั่วสะสมได้ตามอายุการใช้งาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มนี้มักมีจุดร่วมคือ ใช้กำลังไฟค่อนข้างสูง ทำงานต่อเนื่องยาวนาน มีโครงโลหะ หรือทำงานร่วมกับน้ำและความชื้น เมื่อเงื่อนไขเหล่านี้มารวมกัน ความเสี่ยงจากไฟรั่วจึงเพิ่มขึ้นโดยที่ผู้ใช้งานอาจไม่รู้ตัว
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควรคิดให้รอบคอบเป็นพิเศษ ได้แก่
- เครื่องทำน้ำอุ่น: เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานกับน้ำโดยตรง หากฉนวนหรืออุปกรณ์ภายในเริ่มเสื่อม ไฟรั่วสามารถเกิดขึ้นได้ทันที และเมื่อไม่มีกราวด์ ความเสี่ยงจะสูงมาก
- เครื่องซักผ้า: มีทั้งน้ำ การสั่นสะเทือน และโครงโลหะ การใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้ฉนวนเสื่อมโดยไม่รู้ตัว
- ตู้เย็น: ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะใช้ไฟไม่สูงมากต่อครั้ง แต่ความต่อเนื่องและความชื้นด้านหลังเครื่อง ทำให้มีโอกาสเกิดไฟรั่วสะสม
- ปั๊มน้ำ: มักติดตั้งในพื้นที่ชื้นหรือกลางแจ้ง โอกาสที่ความชื้นจะเข้าไปในระบบไฟฟ้าสูงกว่าปกติ
- เตาอบ และไมโครเวฟ: ใช้กำลังไฟสูง มีวงจรภายในซับซ้อน หากเกิดความผิดปกติ ระบบต้องพึ่งอุปกรณ์ป้องกันอย่างมาก
- เครื่องมือไฟฟ้าโครงโลหะ: เช่น สว่าน เครื่องเจียร หรือเครื่องตัดต่าง ๆ หากฉนวนภายในชำรุด โครงโลหะจะกลายเป็นจุดสะสมไฟทันที
เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าใช้งานไม่ได้ในบ้านที่ไม่มีกราวด์ แต่หมายความว่าควรใช้งานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และควรมีอุปกรณ์ป้องกันเสริม เช่น เบรกเกอร์กันดูด หรือการแยกวงจรเฉพาะ เพื่อช่วยจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ทำไมบางบ้านใช้มา 20–30 ปีไม่เคยมีปัญหาเลย
คำถามนี้เป็นคำถามที่เจ้าของบ้านจำนวนมากคิดอยู่ในใจ เพราะประสบการณ์ตรงที่ผ่านมาดูเหมือนจะยืนยันว่า ระบบไฟฟ้าแบบเดิมก็ใช้งานได้ดี ไม่เคยไฟดูด ไม่เคยไฟช็อต และไม่เคยเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้นจริง ๆ
แต่ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องของดวง หากเป็นเรื่องของ ความน่าจะเป็นและเงื่อนไข ไฟรั่วไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน และไม่ได้เกิดขึ้นทันทีเมื่อมีอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ามาใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงปีแรก ๆ มักยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ฉนวนยังแน่น ระบบยังทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ ความเสี่ยงจึงยังไม่แสดงตัว
เมื่อเวลาผ่านไป ความร้อนจากการใช้งานต่อเนื่อง ความชื้นจากสภาพแวดล้อม และอายุของอุปกรณ์ จะค่อย ๆ สะสมเป็นปัจจัยที่เพิ่มโอกาสให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่ผู้ใช้งานไม่สามารถรับรู้ได้จากภายนอก
หลายกรณีของอุบัติเหตุทางไฟฟ้าไม่ได้มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าชัดเจน แต่เกิดขึ้นในวันที่เงื่อนไขทุกอย่างมาประกอบกันพอดี และเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง มักเป็นเหตุการณ์ครั้งแรก และอาจไม่เปิดโอกาสให้มีการแก้ไขหรือป้องกันในครั้งถัดไป
ถ้ายังไม่พร้อมเดินสายดินทั้งบ้าน มีทางเลือกอะไรบ้าง
ความจริงที่ต้องยอมรับคือ ไม่ใช่ทุกบ้านจะพร้อมทุบผนัง เดินสายใหม่ หรือรีโนเวทใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลย
แยกวงจรเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก
ไม่ใช้เต้ารับร่วมกับเครื่องใช้ทั่วไป ลดความร้อนสะสม และลดความเสี่ยงจากหน้าสัมผัสหลวม
ใช้เบรกเกอร์กันดูด (RCD / RCBO)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตคนได้จริง ตรวจจับไฟรั่วและตัดไฟอย่างรวดเร็ว แม้บ้านจะไม่มีกราวด์ก็ตาม
เดินสายดินเฉพาะจุดสำคัญ
ไม่จำเป็นต้องทำทั้งบ้านในครั้งเดียว เริ่มจากจุดเสี่ยงสูง เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า หรือปั๊มน้ำ
บทสรุปที่อยากให้คุณจำ
เต้ารับไม่มีกราวด์ไม่ใช่ของอันตรายทันที แต่ไม่เหมาะกับบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน การเปลี่ยนเต้ารับอย่างเดียวไม่ทำให้บ้านปลอดภัยขึ้นจริง สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเข้าใจระบบของบ้านตัวเอง และค่อย ๆ เพิ่มระดับความปลอดภัยอย่างมีแผน
กราวด์ไม่ใช่เรื่องของความกลัว แต่คือเรื่องของการรู้ทันความเสี่ยง ก่อนที่ความเสี่ยงนั้นจะเลือกเวลามาเจอเราเอง




