หมวกนิรภัย อุปกรณ์ชุดป้องกัน งานช่าง

4 ประเภท หมวกนิรภัย มีอะไรบ้างมีวิธีเลือกใช้ให้เหมาะกับงานอย่างไร?

หากจะพูดถึงหมวกนิรภัยแล้ว นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่บุคลากรทั้งงานช่าง งานก่อสร้างทุกคนต้องรู้จักกันดีอยู่แล้วเพราะว่าหมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่มีไว้เพื่อเซฟอันตรายจากการทำงานทุกประเภทจึงมั้นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเมื่อคุณทำการสวมหมวกนิรภัยไว้ในขณะการทำงานในพื้นที่ๆมีปัจจัยเสี่ยงคุณจะปลอดภัยเรียกง่ายๆว่ากันไว้ดีกว่าแก้ นั่นเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติถ้าหากว่าคุณสวมหมวกนิรภัยไว้เป็นประจำแล้วแสดงว่าคุณป้องกันตัวเองได้ดีอยู่ในระดับหนึ่ง

แล้วประเภทของหมวกนิรภัยที่สวมใส่อยู่มันเหมาะสมกับงานที่ทำอยู่หรือไม่ หลายคนรู้ว่าหมวกนิรภัยใช้ป้องกันการตกกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานในพื้นที่อันตรายเท่านั้นแต่ก็ยังไม่รู้ถึงประเภทที่เหมาะสมหรือฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆที่หมวกนิรภัยทำได้ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้ไปด้วยกันบทความนี้จะว่าด้วยการเลือกสวมหมวกนิรภัยให้ภูกประเภท ควรสวมหมวกเมื่อใดและที่ไหน หรือสวมมันเพื่อปกป้องจากอันตรายรูปแบบไหนได้บ้างเชิญอ่านต่อไปได้เลย เราจะพยายามอย่างเต็มความสามาถเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ให้กับคุณและแนะนำอรรถประโยชน์อื่นๆอีกมากมายมาให้คุณได้อ่านกัน

หมวกนิรภัยคืออะไร?

ก่อนจะลงลึกเรามาเข้าคลาสหมวกนิรภัย 101 กันก่อนว่ามันคืออะไรเริ่มต้นให้เข้าใจง่ายๆด้วยการอธิบายว่าหมวกนิรภัยเป็นหมวกที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายสูงเช่น ส่วนการผลิต โรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง และอื่นๆเพื่อปกป้องศรีษะจากการบาดเจ็บ ที่อาจจะเกิดขึ้นบริเวณศรีษะของผู้สวมใส่ จากข้อมูลข้างต้นหลายคนอาจจะเดาได้คร่าวๆแล้วว่าวัสดุของหมวกนิรภัยนั้นทำมาจากวัสดุที่มีความทนทานต่อแรงกระแทกแน่นอน ตัวหมวกมักจะทำมาจากโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) หรือทำจากเรซินโพลีคาร์บอเนต เนื่องจากมีความแข็งแรง สามารถขึ้นรูปง่าย นำหนักเบา และไม่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้า เปลือกนอกมีความแข็งและการออกแบบโค้งมนเพื่อเบี่ยงแบนทิศทางของแรงกระแทกบนศรีษะ

ส่วนต่อมาคือระบบลดแรงกระแทกนั่นก็คือสายหรือแถบไนล่อน ไวนิล หรือ HPDE ที่ขึ้นรูปพิเศษ โฟม เป็นต้นเพื่อทำหน้าที่กระจายแรงออกและยังเป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้าในตัว โดยในบางรุ่นยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าเอาไว้ได้อีกด้วยเพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตาได้ด้วย จะห็นได้ว่าฟังก์ชั่นของหมวกนิรภัยมีมากกว่าที่คุณคิด จากนี้จะเป็นการลงรายละเอียดกันแล้ว เตรียมพร้อมสำหรับหัวข้อต่อไปได้เลย

หมวกนิรภัยแบ่งออกเป็นกี่ประเภท

หมวกนิรภัยแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดและ 4 ประเภทหลักตามความเหมาะสมและความสามารถป้องกันในการทำงานและตามลำดับความอันตรายของงาน ซึ่งการแบ่งนี้ทำให้ผู้ทำงานสามารถเลือกซื้อตามความต้องการกับงานที่จะทำงานด้วยอย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตามหลักมาตรฐานสากล ANSI Z89.1-2003 แล้วจะประกอบไปด้วย คลาสต่างๆดังนี้

  • หมวกนิรภัยประเภท I 

ใช้สำหรับการทำงานด้านอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น การก่อสร้างและส่วนผลิตในโรงงาน หมวกนิรภัยนี้สามารถช่วยปกป้องส่วนด้านบนของศีรษะจากการกระแทกได้โดยตรง และเป็นที่นิยมใช้ในหลากหลายประเทศและภูมิภาค

  • หมวกนิรภัยประเภท II 

เหมาะสำหรับใช้ในสถานที่ที่การทำงานที่ต้องเผชิญกับความร้อนสูงอย่างต่อเนื่องอย่าง เช่น การผลิตเหล็กและแก้ว ประเภทของหมวกนิรภัยนี้สามารถเสริมการป้องกันส่วนศีรษะด้านบนและด้านข้างจากการกระแทกได้ 

นอกจากนี้ยังมีหมวกนิรภัยอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Type III ซึ่งสามารถช่วยปกป้องศีรษะและออกแบบมาเพื่อใช้ในการดับเพลิงหรือการกู้ภัยโดยเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ ประเภทของหมวกนิรภัย แบ่งออกได้ 4 ประเภทตามระดับในการป้องกันที่ต่างกันออกไปดังนี้

  • หมวกนิรภัย Class G 

หมวกนิรภัย Class G หรือ General มีคุณสมบัติที่สามารถลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงต่ำได้โดยเป็นการต้านทานแรงดันในไฟฟ้ากระแสสลับระดับ 2,200 V ที่ความถี่ 50 Hz ได้เป็นเวลา 1 นาที ป้องกันค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกอยู่ที่ไม่เกินไม่เกิน 4,448 นิวตัน ค่าเฉลี่ยของการรับแรงกระแทกที่ส่งผ่านติ้งอยู่ที่ไม่เกิน 3,781 นิวตัน คุณสมบัติของความต้านทานแรงเจาะ โดยรอยเจาะที่เกิดขึ้นจะต้องลึกไม่เกิน 10 มม. หมวกนิรภัยClass G มักเป็นที่นิยมใช้ในการก่อสร้าง งานทั่วไป เป็นต้น

  • หมวกนิรภัย Class E

เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูงหมวกนิรภัย Class E หรือ Electrical สามารถทนแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้ที่ 20,000 V ที่ความถี่ 50 Hz ได้นานถึง 3 นาที รวมทั้งยังป้องกันแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกนิรภัยไม่เกิน 4,448 นิวตัน แรงกระแทกเฉลี่ยที่ส่งผ่านอุปกรณ์ไม่เกิน 3,781 นิวตัน ความแข็งแรงเมื่อทนต่อการเจาะ รอบการเจาะที่เกิดขึ้นจะต้องมีความลึกไม่เกิน 10 มม. มักเป็นที่นิยมใช้ในการป้องกันไฟฟ้าแรงสูง และงานก่อสร้างที่มีความเสี่ยงต่อไฟฟ้ารั่วไหล เป็นต้น

  • หมวกนิรภัย Class C

หมวกนิรภัย Class C หรือ Conductive เป็นหมวกนิรภัยที่ไม่มีคุณสมบัติทนต่อแรงดันไฟฟ้าได้ เนื่องจากมีวัสดุเป็นโลหะส่วนใหญ่ สามารถทนค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านฝาครอบจะต้องไม่เกิน 4,448 นิวตัน ส่วนแรงกระแทกโดยเฉลี่ยที่ส่งผ่านข้อต่อของหมวกจะต้องไม่เกิน 3,781 นิวตัน ความแข็งแรงทดทานการเจาะ ต้องไม่ลึกเกิน 10 มม. มักเป็นที่นิยมใช้ในการป้องกันใช้ในการขุดเจาะน้ำมัน หรือโรงกลั่นก๊าซปิโตรเลียมเป็นต้น

  • หมวกนิรภัย Class D

หมวกนิรภัย Class D เป็นประเภทเพิ่มเติมที่มีความสามารถทนต่อความร้อนสูงได้ดี วัสดุทำด้วยพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส เมื่อติดไฟแล้วสามารถดับได้เอง ค่าความทนทานต่อแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกรับได้ไม่เกิน 4,448 นิวตัน ค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตันความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานดับเพลิง งานเหมือง

งานแบบไหนที่ควรสวมหมวกนิรภัย

ควรสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะเนื่องจากวัตถุหล่น เศษซาก หรืออันตรายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นบางสถานการณ์ที่แนะนำให้สวมหมวกนิรภัย เพื่อความปลอยภัยของตัวคุณเองมีอะไรบ้างลองไปดูกัน

  1. สถานที่ก่อสร้าง สถานที่ก่อสร้างหรือไซต์งานจัดได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายสูงเพราะมีกิจกรรมต่างๆที่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเกิดขึ้นพร้อมๆกันได้ คนงานที่ทำงานในไซต์งานมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากเครื่องมือ วัสดุ และเศษซากวัสดุที่ตกลงมาจากที่สูง การสวมหมวกนิรภัยจึงเป็นมาตรการความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในสถานที่ก่อสร้างพึงมี เพื่อปกป้องศีรษะของผู้ทำงานจากอันตรายต่างๆเหล่านี้ หมวกนิรภัยสามารถดูดซับและกระจายแรงกระแทก ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ในกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น
  2. โรงงานอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิต เหมืองแร่ รวมถึงน้ำมันและก๊าซที่มีการทำงานเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรหนัก อุปกรณ์ที่มีอันตราย และวัสดุที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อผู้ใช้งาน  ในการตั้งค่าเหล่านี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชนกัน วัตถุหล่น หรือวัสดุเคลื่อนตัวโดยไม่คาดคิด หมวกแข็งถือเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องศีรษะของคนงานจากการกระแทกและการบาดเจ็บที่ศีรษะที่อาจเกิดขึ้น
  3. งานบำรุงรักษาและการซ่อมแซม ในระหว่างการทำงานบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องจักรขนาดใหญ่หรือระบบไฟฟ้า ประปา ผู้ปฏิบัติงานอาจจำเป็นทำงานอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่นการอยู่บนบันได หรือทำงานในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อวัตถุอาจตกลงมาจากด้านบน ควรสวมหมวกนิรภัยเพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกกระแทกด้วยเครื่องมือ ชิ้นส่วน หรือเศษเล็กเศษน้อยที่ผู้อื่นทำหล่นจากที่สูงต่างกันโดยไม่ตั้งใจ
  4. การทำงานรื้อถอน การรื้อถอนเกี่ยวข้องกับการทำลายโครงสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งอาจทำให้เกิดเศษซากและวัสดุที่เสี่ยงตกลงมาทำให้บาดเจ็บได้จำนวนมาก คนงานมักจะต้องใช้เครื่องมือ เช่น ค้อนขนาดใหญ่ แม้กระทั่งระเบิด ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถส่งผลให้เกิดเศษซากกระเด็นปลิวได้ หมวกนิรภัยให้การป้องกันอนุภาคที่กระเด็นเหล่านี้และช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะอาจจะใส่หน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่นละอองหรือวัตถุอันตรายที่อาจะเกิดขึ้นด้วยเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิต
  5. การตัดไม้ คนงานในไซต์งานตัดไม้และการเลื่อยไม้ ต้องจัดการกับต้นไม้และเครื่องจักรกลหนัก กิ่งไม้ อาจจะเกิดอันตรายจากท่อนไม้ที่ร่วงลงมา ถือเป็นอันตรายทั่วไปในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ หมวกแข็งช่วยปกป้องศีรษะของคนงานจากการกระแทกที่เกิดจากวัตถุที่ตกลงมา ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้หากไม่ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

เพราะในสถานการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การสวมหมวกนิรภัยถือเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่ ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบจากการบาดเจ็บที่ศีรษะที่อาจเกิดขึ้นโดยการกระจายและดูดซับแรงกระแทก พนักงานควรได้รับการฝึกอบรมที่เหมาะสมว่าควรใช้หมวกนิรภัยเมื่อใดและอย่างไร และต้องแน่ใจว่าได้ปรับและสวมใส่อย่างถูกต้อง การปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสม รวมถึงหมวกแข็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่ศีรษะในสถานที่ทำงานอันตรายต่างๆ ได้อย่างมากนั่นเอง

มาตรฐานของหมวกนิรภัยในปัจจุบัน

ในปัจจุบันตามมาตรฐาน ANSI/ISEA Z89.1 กำหนดมาตรฐานในการปฏบิติงานให้นายจ้างจัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยให้กับลูกจ้างตามเกณฑ์ประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันร่างกายโดยเฉพาะศรีษะที่ระบุไว้ใน ANSI Z89.1 หรือ American National Standard สำหรับงานอุตสาหกรรมซึ่งเป็นข้อกำหนดที่รวมอยู่ใน 29 CFR 1910.6 ANSI Z89.1 ที่กำหนดให้มีการทดสอบความปลอดภัยทั้งสี่ประการและกำหนดประเภทของหมวกนิรภัย 4 ประเภทได้แก่ 

    1. Force Transmission คุณสมบัติการกันกระแทก การทดสอบนี้มุ่งหวังให้ทราบถึงความทนทานของหมวกป้องกันนิรภัยชนิดที่ 1 และ 2 ในเวลาเย็น 12 สภาพอากาศและในสภาพอากาศร้อน 12 สภาพ โดยทดสอบการรับแรงกระแทกที่ความเร็ว 5.5 เมตรต่อวินาที โดยมีวัตถุทดสอบที่มีน้ำหนัก 3.6 กิโลกรัมเป็นตัวกระทบ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบทั้งหมด 24 ครั้งจะถูกบันทึกไว้พร้อมกับค่าความเร็วของการตกและค่าเฉลี่ยของแรงที่ถูกส่งผ่านหมวก ซึ่งค่าแรงนี้ไม่ควรเกินกว่า 3780 N
  • Apex Penetration คุณสมบัติกันการเจาะทะลุ การทดสอบนี้มุ่งหวังให้หมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 มีลักษณะเหมือนกับการสวมใส่จริง วัตถุที่ใช้ในการเจาะหมวกจะถูกเจาะเข้ามาในบริเวณรอบวงแบบไม่เกินรัศมี 75 มิลลิเมตร (3.0 นิ้ว) จากศูนย์กลางของหมวก วัตถุที่ใช้ในการเจาะหมวกจะต้องมีน้ำหนัก 1.0 กิโลกรัม และจะถูกปล่อยตกจากความสูงเพื่อให้เกิดความเร็วที่จุดกระทบอยู่ที่ 7.0 เมตรต่อวินาที วัตถุที่ใช้เจาะไม่ควรแนบติดกับหมวก ไม่ว่าในสภาพใดก็ตาม
  • Flammability คุณสมบัติการกันไฟกระบวนการทดสอบนี้จะใช้กับหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 โดยการทดสอบจะเน้นให้หมวกมีลักษณะเหมือนกับการสวมใส่จริง โดยการพ่นไฟลงบนหมวกเป็นเวลา 5 วินาที ที่อุณหภูมิ 800 – 900º C (1472º – 1652º F) ในบริเวณด้านนอกของหมวก หมวกนิรภัยจะต้องไม่มีร่องรอยการไหม้หลังจากทดสอบเสร็จสิ้น
  1. Electrical Insulation คุณสมบัติการกันไฟฟ้า กระบวนการทดสอบนี้เป็นการทดสอบสำหรับหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2 รวมถึงหมวกนิรภัยประเภท E ที่ถูกออกแบบให้สามารถป้องกันจากความเสี่ยงของไฟฟ้าได้ ในขั้นตอนแรกจะมีการทดสอบการกันกระแทกก่อน แล้วทำการทดสอบการกันไฟฟ้าที่แรงดัน 20,000 โวลต์ เป็นเวลา 3 นาทีที่กระแสไฟฟ้า 9 มิลลิแอมป์ โดยต้องไม่มีการรั่วไหลเข้าสู่หมวก

หลังจากนั้นจะมีการทดสอบที่แรงดัน 30,000 โวลต์ เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีรอยไหม้หรือไม่สำหรับหมวกนิรภัยประเภท G มีการออกแบบให้สามารถป้องกันไฟฟ้าแบบอ่อนได้ โดยจะมีขั้นตอนการทดสอบการกันไฟฟ้าที่แรงดัน 2,200 โวลต์ เป็นเวลา 1 นาทีที่กระแสไฟฟ้า 3 มิลลิแอมป์ โดยต้องไม่มีการรั่วไหลเข้าสู่หมวกหมวกนิรภัยประเภท C ไม่มีการทดสอบความสามารถในการกันไฟฟ้า

วิธีการใช้งาน หมวกนิรภัยที่ถูกต้อง

  • ตรวจสอบความพร้อมใช้งาน ก่อนที่จะใส่หมวกนิรภัยลงบนศรีษะ คุณควรตรวจสอบว่าหมวกไม่มีชำรุดหรือตำหนิใด ๆ ที่อาจทำให้สิ่งคุ้มกันไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง
  • ใส่หมวกนิรภัยให้ถูกตำแหน่ง ใส่หมวกให้ถูกตำแหน่งกับหัวของคุณ ให้มั่นใจว่าสายคาดหมวกอยู่ที่จุดต่ำสุดของหมวกและสายคาดไม่หนักเกินไป
  • ปรับสายคาด คาดสายคาดให้พอดีกับศรีษะของคุณ โดยไม่ทำให้รู้สึกแน่นเกินไปหรือหลุดออกจากศรีษะ
  • การดูแลรักษา หมวกนิรภัยต้องดูแลรักษาอย่างถูกต้องเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา คุณควรทำความสะอาดหมวกโดยสม่ำเสมอและเก็บรักษาให้หมวกอยู่ในที่แห้งและลดการสัมผัสกับสิ่งที่อาจทำให้เกิดความเสียหาย

หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอันตราย การใช้งานอย่างถูกต้องและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยปกป้องคุณจากอันตรายและความเสียหายในอนาคตความพิเศษสำหรับงาน หากคุณต้องการใช้หมวกนิรภัยในงานเฉพาะ เช่น งานก่อสร้างหรืองานซ่อมบำรุง เป็นต้น ควรอ่านคู่มือการใช้งานเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติพิเศษและวิธีการปรับแต่งตามงานที่คุณจะทำ

สรุป

หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการป้องกันอันตรายในงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานก่อสร้างและงานอุตสาหกรรม เพื่อให้ความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน การใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกต้องมีขั้นตอนที่สำคัญที่ควรปฏิบัติตาม เช่น ตรวจสอบความพร้อมใช้งานก่อน ใส่หมวกให้ถูกตำแหน่ง ปรับสายคาดให้พอดีกับศรีษะ และอ่านคู่มือการใช้งานเพิ่มเติมสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจง เพื่อประโยชน์ในการทำงานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดูแลรักษาหมวกนิรภัยอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้หมวกสามารถปกป้องคุณจากอันตรายได้อย่างเต็มที่ในระยะยาว ด้วยการทำความสะอาดและการเก็บรักษาให้เหมาะสม

ใช้หมวกนิรภัยอย่างถูกต้องและปฏิบัติการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมั่นใจในการทำงานและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับตนเองและผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในสถานที่ก่อสร้างหรือภารกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการป้องกันอันตราย

บทความที่เกี่ยวข้อง

FAQ คำถามที่พบบ่อย

หมวกนิรภัยคืออะไร?

  • หมวกนิรภัยเป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ใช้ในงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องศรีษะและส่วนบนของตัวจากการกระทบหรือการตกของวัตถุหนัก ความเสียหายจากการระเบิด และอันตรายอื่น ๆ

การเลือกหมวกนิรภัยควรดูอะไรบ้าง?

  • ควรเลือกหมวกนิรภัยที่มีคุณภาพสามารถรับน้ำหนักแรงกระทบได้ดี และมีการปรับขนาดเพื่อให้พอดีกับศรีษะของคุณ นอกจากนี้ ควรเลือกหมวกที่มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เช่น มาตรฐานของ OSHA (Occupational Safety and Health Administration) หรือมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในสายงานของคุณ

วิธีการใส่หมวกนิรภัยให้ถูกต้อง?

  • ใส่หมวกให้ที่ถูกต้องโดยการวางสายคาดเหนือจมูกและให้มั่นใจว่าหมวกไม่หนักเกินไปหรือหลุดออกจากศรีษะของคุณ

หมวกนิรภัยต้องดูแลอย่างไร?

  • ควรรักษารักษาหมวกให้อยู่ในสภาพที่ดีโดยประจำการทำความสะอาด ไม่ควรทิ้งหรือเก็บในที่ที่ชื้น เนื่องจากน้ำและแสงแดดอาจทำให้หมวกเสื่อมสภาพได้

หมวกนิรภัยมีอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง?

  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้หมวกที่มีรอยแตกหรือชำรุด หรือหมวกที่ไม่สามารถปรับขนาดให้พอดีกับศรีษะของคุณ

เช็คราคา หมวกนิรภัย แต่ละแบบได้ที่นี่


แหล่งอ้างอิง

Understanding safety helmet standards in the U.S. and abroad https://www.hexarmor.com/posts/understanding-safety-helmet-standards

Fiberglass Safety Helmet – Solution

https://www.safety-helmet.com/safetyhelmet/fiberglass-safety-helmet.html

The hard truth about safety helmet injuries and statistics

https://www.hexarmor.com/posts/the-hard-truth-about-safety-helmet-injuries-and-statistics

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *